คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1847/2541

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การที่จำเลยออกเช็คเพื่อแลกเงินสดไปจากโจทก์ เมื่อ ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินย่อมเกิดเป็นหนี้ระหว่าง จำเลยกับโจทก์ตามจำนวนเงินในเช็คนั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 898,900 ต่อมาจำเลยออกเช็คพิพาทสองฉบับแทนเช็คฉบับเดิม จึงเป็นการที่จำเลย ออกเช็คเพื่อชำระหนี้ตามเช็คที่จำเลยออกให้แก่โจทก์ดังกล่าว ข้างต้น เช็คที่จำเลยออกในภายหลังนี้ย่อมถือว่าเป็นเช็ค ที่ออกเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมายเมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน จึงเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติ ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ. 2534 มาตรา 4 ฟ้องโจทก์ทั้งสองสำนวนไม่ได้ขอให้พิพากษานับโทษจำเลย ติดต่อกัน จึงนับโทษต่อกันไม่ได้ เพราะจะเป็นการพิพากษา เกินคำขอ ปัญหานี้เป็นข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อย แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดยกขึ้นอ้าง ศาลฎีกา ก็มีอำนาจยกขึ้น วินิจฉัยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา 225

ย่อยาว

คดีทั้งสองสำนวนนี้ ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษารวมกันโดยเรียกโจทก์และจำเลยทั้งสองสำนวนว่าโจทก์และจำเลยตามเดิม
โจทก์ฟ้องทั้งสองสำนวนและแก้ไขคำฟ้อง ขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ. 2534 มาตรา 4
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่า คดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534มาตรา 4(3) จำคุกกระทงละ 1 เดือน รวมสองกระทงจำคุก 2 เดือน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีนี้จำเลยฎีกาแต่ในปัญหาข้อกฎหมายในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายที่จำเลยฎีกานั้น ศาลฎีกาต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ได้วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวน ซึ่งศาลอุทธรณ์ภาค 1 ฟังข้อเท็จจริงว่าเดิมเมื่อปี 2531 จำเลยออกเช็ค 2 ฉบับ สั่งจ่ายเงินรวม600,000 บาท เพื่อแลกเงินสดจากโจทก์ เมื่อเช็คทั้งสองฉบับถึงกำหนด โจทก์นำไปเรียกเก็บเงิน ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน โจทก์ได้ฟ้องจำเลยในข้อหาออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค จำเลยออกเช็คฉบับใหม่มอบให้โจทก์แทนเช็คดังกล่าว โจทก์จึงถอนฟ้อง แต่เช็คฉบับใหม่คงเรียกเก็บเงินไม่ได้ โจทก์ฟ้องจำเลยอีกครั้งหนึ่ง จำเลยนำเงินสดมาชำระบางส่วนและออกเช็คฉบับใหม่มอบให้แทน โจทก์ถอนฟ้องอีก แต่เช็คฉบับใหม่ก็ยังเรียกเก็บเงินไม่ได้เช่นเดิมหลังจากนั้นจำเลยออกเช็คฉบับใหม่มาแลกเช็คฉบับเดิมคืนไปจากโจทก์หลายครั้ง จนถึงปี 2537 จำเลยออกเช็คพิพาททั้งสองฉบับแลกเช็คฉบับเดิมไปจากโจทก์อีก เมื่อถึงกำหนดโจทก์นำเช็คพิพาททั้งสองฉบับเรียกเก็บเงิน แต่ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินโดยให้เหตุผลว่า โปรดติดต่อผู้สั่งจ่าย และยังไม่มีข้อตกลงกับธนาคารตามเช็คและใบคืนเช็คเอกสารหมาย จ.1 และ จ.2 ของคดีทั้งสองสำนวน จำเลยฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่า การกระทำที่จะเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ. 2534 มาตรา 4 นั้น จะต้องเป็นการออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมาย แต่เช็คพิพาททั้งสองฉบับเป็นเช็คที่ออกเพื่อแลกเปลี่ยนเช็คฉบับเดิมที่เป็นเช็คแลกเงินสดจำเลยจึงไม่มีความผิดพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า การที่จำเลยออกเช็คเพื่อแลกเงินสดไปจากโจทก์ เมื่อธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินย่อมเกิดเป็นหนี้ระหว่างจำเลยกับโจทก์ตามจำนวนเงินในเช็คนั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 898, 900 ต่อมาจำเลยออกเช็คพิพาททั้งสองฉบับแทนเช็คฉบับเดิมดังกล่าว จึงเป็นการที่จำเลยออกเช็คเพื่อชำระหนี้ตามเช็คที่จำเลยออกให้แก่โจทก์ดังกล่าวข้างต้น เช็คที่จำเลยออกในภายหลังนี้ย่อมถือว่าเป็นเช็คที่ออกเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมาย เมื่อธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินจึงเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534มาตรา 4 ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษามาชอบแล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น
อนึ่ง จำเลยออกเช็ครวมสองฉบับ เมื่อเช็คแต่ละฉบับธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน โจทก์จึงนำคดีมาฟ้องโดยแยกสำนวนเป็นสองสำนวน การบรรยายฟ้องแต่ละสำนวนว่าจำเลยสั่งจ่ายเช็คจำนวน 1 ฉบับ คำขอท้ายฟ้องแต่ละสำนวนไม่ขอให้นับโทษจำเลยต่อเห็นว่าฟ้องโจทก์ทั้งสองสำนวนไม่ได้ขอให้พิพากษานับโทษจำเลยติดต่อกัน จึงนับโทษต่อกันไม่ได้เพราะจะเป็นการพิพากษาเกินคำขอ ฉะนั้นที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาให้ลงโทษจำคุกจำเลยกระทงละ 1 เดือน รวมสองกระทงจำคุก 2 เดือนจึงไม่ชอบ ปัญหานี้เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยแม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดยกขึ้นอ้าง ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยคดีได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา 225”
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 ให้จำคุกกระทงละ 1 เดือน

Share