แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยกับพวกอีกคนหนึ่งเข้าทำการชิงทรัพย์นอกจากนี้แล้วยังมีพรรคพวก ซึ่งมาด้วยกันแล้วหลบหนีไปด้วยกันอีก บรรดาพรรคพวกนั้นยืนคุมเชิงอยู่ในลักษณะเตรียมร่วมมือด้วยนับได้ว่าจำเลยได้สมคบกับพวกมีจำนวนตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป จึงเป็นความผิดฐานปล้นทรัพย์
พวกของจำเลยคนหนึ่งเข้าไปขอเงินเจ้าทรัพย์ ๆ ให้น้อย พวกจำเลยจึงหยิบเงินเอาเอง พวกเจ้าทรัพย์เข้าแย่งเงินหล่นลงที่พื้น จำเลยง้างมีดทำท่าจะแทงถือได้ว่าการกระทำนั้นเป็นความผิดฐานปล้นทรัพย์สำเร็จแล้ว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยสมคบกับพวกอีก ๔ คนมีมีดเป็นสาศราวุธทำการปล้นทรัพย์ธนบัตร ๘๕ บาทของนายกิมซุน ซึ่งอยู่ในความดูแลรักษาของนายกิมจิวไปโดยจำเลยใช้มีดขู่จะทำร้าย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษว่า จำเลยมีความผิดฐานพยายามปล้นทรัพย์ ตาม ก.ม.อาญา ม.๓๐๑,๖๐ และพ.ร.บ. แก้ไขเพิ่มเติม ก.ม.อาญา พ.ศ. ๒๔๗๗ (ฉบับที่ ๔) ม.๗ ให้จำคุก ๖ ปี ๘ เดือน
โจทก์จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษาแก้ว่าจำเลยผิด ก.ม.อาญา ม.๓๐๑ และพ.ร.บ. แก้ไขเพิ่มเติม ก.ม.อาญา พ.ศ.๒๔๗๗ (ฉบับที่ ๔) ม.๗ จำคุก ๑๐ ปี
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า ในวันเกิดเหตุจำเลยกับพวกรวม ๕ คนได้ไปที่ร้านฝิ่นที่เกิดเหตุจำเลยกับพวกอีก ๒ คนเข้าไปในร้าน คนหนึ่งได้พูดขอเงินนายกิมจิว ๑๐๐ บาท นายกิมจิวให้ ๒๐ บาท คนนั้นได้ทิ้งเงิน ๒๐ บาทเสียหยิบธนบัตรที่บนโต๊ะไป ๖๕ บาท พวกเจ้าทรัพย์เข้าแบ่งเงินหล่นจากมือจำเลยซึ่งยืนอยู่ข้างหลังพวกของจำเลยคนนั้นได้ง้างมีดปลายแหลมทำท่าจะแทงพวกเจ้าทรัพย์จับจำเลยได้ ส่วนพวกจำเลยอีก ๔ คนก็พากันหนีไป ขณะเกิดเหตุนั้นพวกจำเลยอีก ๒ คนยืนอยู่ที่ประตูหน้าร้านฝิ่น เห็นว่าพวกจำเลยมาด้วยกันหนีไปด้วยกัน ขณะเกิดเหตุพรรคพวกจำเลยได้ยืนคุมเชิงในลักษณะเตรียมและร่วมมือในการนั้นด้วย เมื่อมีจำนวนพรรคพวกตั้งแต่ ๓ คนขึ้นไป จึงเป็นความผิดฐานปล้นทรัพย์ จึงพิพากษายืน