แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เรื่องกู้หนี้กันตามธรรมดาถ้าเจ้าหนี้ผ่อนเวลาชำระหนี้แก่ลูกหนี้โดยผู้ค้ำประกันมิได้ตกลงด้วยแล้ว ผู้ค้ำประกันก็ย่อมหลุดพ้นจากความรับผิด
แต่สำหรับเรื่องขอกู้เบิกเงินเกินบัญชีกับธนาคารในคดีนี้ผู้ค้ำประกันทำสัญญาไว้ว่าการผ่อนเวลาชำระหนี้แม้จะไม่ได้รับแจ้งก็ไม่เป็นเหตุให้ปลดเปลื้องความรับผิดของผู้ค้ำประกันแล้วในเมื่อธนาคารผ่อนเวลาชำระหนี้และการกู้เบิกเงินเกินบัญชีแก่ผู้เบิกในครั้งหลังจะมิได้แจ้งให้ผู้ค้ำประกันทราบและผู้ค้ำประกันมิได้ลงชื่อรับรองดังครั้งก่อนก็ดี ผู้ค้ำประกันก็จำต้องผูกพันตามสัญญาที่ทำกันไว้หาทำให้หลุดพ้นจากความรับผิดไปได้ไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 1, 2 เป็นหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนเหรียญโดยจำเลยที่ 1 เป็นผู้จัดการได้ทำสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีจากโจทก์ไม่เกิน 3,000 บาท และผ่อนชำระให้หมดใน 24 ตุลาคม 2493 จำเลยที่ 3 เป็นผู้ค้ำประกัน เมื่อครบกำหนดแล้วห้างหุ้นส่วนเหรียญโตโดยจำเลยที่ 3 ยินยอมได้ขอผลัดผ่อนชำระหนี้หลายครั้งจนวันที่ 24 เมษายน 2495 เป็นวันครบชำระหนี้ครั้งสุดท้าย แล้วห้างหุ้นส่วนดังกล่าวเลิกกิจการโดยไม่ชำระบัญชีจำเลยที่ 1, 2 จึงต้องรับผิดจำเลยที่ 3 รับผิดในฐานะค้ำประกันขอให้บังคับจำเลยใช้เงินทั้งต้นและดอกเบี้ย 32,876.03 บาท
จำเลยที่ 1 ส่งหมายเรียกไม่ได้ ไม่มาสู้คดี
จำเลยที่ 2 ให้การว่าเป็นหุ้นส่วนจริง การกู้หนี้ไม่รู้เห็นด้วย
จำเลยที่ 3 ให้การว่าเป็นผู้ค้ำประกันจริงเมื่อครบกำหนดชำระได้รับรองการค้ำประกันต่ออีก 3 เดือน ยอมรับผิดเพียงจำนวนหนี้ในวันนั้น ต่อมามิได้รับรองจึงไม่ต้องรับผิด
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 3 ร่วมกันใช้เงินโจทก์ 32,976.03 บาท
จำเลยที่ 3 อุทธรณ์ว่าไม่ควรต้องรับผิด
ศาลอุทธรณ์ฟังว่าห้างหุ้นส่วนเหรียญโตชำระหนี้ที่จำเลยที่ 3เป็นผู้ค้ำประกันให้เสร็จแล้วหนี้ที่โจทก์ฟ้องเกิดภายหลังซึ่งจำเลยที่ 3ไม่ได้ค้ำประกันจำเลยที่ 3 จึงไม่ต้องรับผิด พิพากษาแก้ให้ยกฟ้องเฉพาะจำเลยที่ 3
โจทก์ฎีกา
ปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยสำหรับจำเลยที่ 3 คือ การที่โจทก์ผ่อนเวลาให้ห้างหุ้นส่วนเหรียญโตชำระหนี้และให้กู้เงินเกินบัญชีต่อมาโดยจำเลยที่ 3 มิได้ให้หนังสือรับรองต่อโจทก์ดังเช่นคราวก่อน ๆ นั้นจำเลยที่ 3 ยังคงจะต้องรับผิดต่อโจทก์ในหนี้สินนั้นอีกตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 700 วรรคต้นหรือไม่
ศาลฎีกาเห็นว่าตามธรรมดาเจ้าหนี้ผ่อนเวลาให้แก่ลูกหนี้โดยผู้ค้ำประกันมิได้ตกลงด้วยแล้วผู้ค้ำประกันก็ย่อมหลุดพ้นจากความรับผิด แต่สำหรับจำเลยที่ 3 ผู้ค้ำประกันในคดีนี้ได้สัญญาค้ำประกันโดยมีข้อตกลงในสัญญาข้อ 3 ว่า “ถ้าผู้ให้กู้ผ่อนเวลาให้แก่ผู้กู้ชำระหนี้โดยจะได้แจ้งหรือมิได้แจ้งให้ผู้ค้ำประกันทราบก็ตามผู้ค้ำประกันเป็นอันยอมตกลงด้วยการให้ผ่อนเวลาทุกครั้งไป และยอมมิให้ถือเอาการผ่อนเวลาเช่นว่านี้เป็นเหตุปลดเปลื้องความรับผิดของผู้ค้ำประกันเป็นอันขาด” ดังนี้ แม้การที่โจทก์ผ่อนเวลาการชำระหนี้และการกู้เงินเกินบัญชีแก่ห้างหุ้นส่วนเหรียญโตในสองครั้งหลังจะมิได้แจ้งให้จำเลยที่ 3 ทราบดังเคยและจำเลยที่ 3 ไม่ได้เซ็นชื่อรับรองดังคราวก่อน ๆ ก็ดี หาทำให้จำเลยที่ 3 หลุดพ้นจากความรับผิดไปไม่ เพราะจำเลยที่ 3 ต้องผูกพันโดยข้อสัญญาข้อ 3 ดังกล่าว
จึงพิพากษากลับให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น