แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยใช้ไม้กลมโตเท่าข้อมือ ยาวราว 1 แขนตีผู้เสียหายที่บริเวณหน้าหลายครั้ง จนใบหน้าช้ำบวมเขียวตั้งแต่ขอบตาทั้งสองข้างถึงบริเวณขากรรไกรและคอ โหนกแก้มมีแผลขนาด 1.05 x 0.5 เซนติเมตร จมูกฉีก สมองกระเทือนอย่างแรง ขากรรไกรล่างหักและขาดออกจากกัน (เฉพาะกระดูและฟันล่าง) สอบไปนานประมาณ 4 ชั่วโมง แพทย์ผู้ตรวจให้ความเห็นว่า ถ้ารักษาช้าไปสักวันสองวันอาจจะตายได้ เช่นนี้ จำเลยย่อมเล็งผลได้ว่าจะทำให้ผู้เสียหายถึงตายได้ จำเลยจึงมีเจตนาฆ่า
จำเลยจดทะเบียนสมรสกับผู้เสียหายด้วยความจำใจ เมื่อจดทะเบียนแล้ว ในวันนั้นจำเลยบอกผู้เสียหายว่าจะพาไปหามารดา แต่จำเลยพาผู้เสียหายเข้าป่าและร่วมประเวณีกับผู้เสียหายก่อนลงมือทำร้าย พฤติการณ์เช่นนี้ฟังได้ว่าเป็นแผนการที่จำเลยพาผู้เสียหายไปฆ่าเพื่อให้พ้นความเกี่ยวข้อง การร่วมประเวณีก่อนทำร้ายก็เพื่ออำพรางว่าผู้เสียถูกคนร้ายข่มขืนชำเราแล้วฆ่า เป็นการไตร่ตรองไว้ก่อน
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้ไม้ตีนางอ่อนภรรยาของจำเลยหลายครั้ง โดยเจตนาฆ่า และไตร่ตรองไว้ก่อน นางอ่อนสลบไปประมาณ ๔ ชั่วโมง แต่ไม่ถึงแก่ความตายสมเจตนาของจำเลย เหตุเกิดที่ตำบลจอมบึง อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมาย มาตรา ๒๘๘,๒๘๙,๘๐,๒๙๗
จำเลยให้การว่า ใช้ไม้ตีโดยบันดาลโทสะ ไม่มีเจตนาฆ่า
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘,๒๘๙,๘๐ และ ๒๙๗ ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๙,๘๐ ประกอบด้วยมาตรา ๕๒ ซึ่งเป็นบทหนักตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๐ โดยลงโทษจำคุกไว้ตลอดชีวิต คำให้การชั้นสอบสวนและชั้นศาลของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณานับเป็นเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ ลดโทษให้ ๑ ใน ๓ คงจำคุกจำเลยมีกำหนดสิบหกปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาว่า การกระทำของจำเลยเป็นความคิดเพียงทำร้ายร่างกายไม่ใช่ความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรอง
ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าบาดแผลที่ถูกทำร้ายมี ๖ แห่ง บริเวณหน้าบวมช้ำเขียวตั้งแต่ขอบตาทั้งสองข้างถึงบริเวณขากรรไกรซ้ายและคอโหนกแก้มซ้ายมีแผล ๑.๐๕x๐.๕ เซนติเมตร จมูกฉีก สมองกระเทือนอย่างแรง ขากรรไกรล่างหักและขาดออกจากกัน (เฉพาะกระดูกและฟันล่าง) สลบไปนานประมาณ ๔ ชั่วโมง แพทย์ผู้ตรวจให้ความเห็นว่าบาดแผลเกิดจากการตีด้วยของแข็งไม่มีคมมากกว่า ๑ ครั้ง เมื่อผู้เสียหายถูกตีแล้วต้องเกิดอาการสลบเป็นเวลานานหากไม่มาทำการรักษาในเวลากระชั้นชิด ทิ้งไว้วันสองวันจึงมารักษาอาจรักษาไม่ไหวทำให้ถึงตายได้ ผู้เสียหายว่าไม้ที่จำเลยใช้ตีนั้นเป็นไม้กลมโตเท่าข้อมือ ยาวราว ๑ แขน จำเลยให้การว่าเป็นไม้ไผ่ยาว ๑ ศอกเศษ โตขนาดเหรียญบาท เห็นได้ว่าไม้นี้มีขนาดพอ ๆ กัน การที่จำเลยใช้ไม้ขนาดดังกล่าวตีทำร้ายผู้เสียหายและตีในส่วนที่เป็นอวัยวะสำคัญของร่างกาย ซึ่งอาจทำให้ถึงแก่ความตายได้ เมื่อผู้เสียหายถูกตีถึงสลบและมีบาดแผลถึงฉกรรจ์ จำเลยย่อมเล็งเห็นผลได้ว่าจะทำให้ผู้เสียหายถึงแก่ความตายได้ จำเลยจึงมีเจตนาว่า เมื่อผู้เสียหายไม่ตายจำเลยจึงมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหาย
ปัญหาต่อไปมีว่า จำเลยมีเจตนาฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนหรือไม่ เห็นว่าจำเลยทำการจดทะเบียนสมรสกับผู้เสียหายด้วยความจำใจ เมื่อจดทะเบียนแล้วในวันนั้นจำเลยบอกผู้เสียหายว่าจะพาไปหามารดาที่บ้านโป่ง แต่จำเลยกลับพาผู้เสียหายเข้าไปในป่าบ้านจอมบึง เมื่อไปถึงป่าที่เกิดเหตุ จำเลยขอร่วมประเวณีผู้เสียหายก็ยอมปฏิบัติตาม แล้วจำเลยก็ใช้ไม้ตีผู้เสียหายดังกล่าวแล้ว พฤติการณ์เช่นนี้เชื่อได้ว่าเป็นแผนการที่จำเลยพาผู้เสียหายไปฆ่าเพื่อให้พ้นความเกี่ยวข้องกับจำเลย การร่วมประเวณีก่อนก็เพื่ออำพรางว่าผู้เสียหายถูกค้นร้ายข่มขืนชำเราแล้วฆ่าตาย จำเลยทำร้ายผู้เสียหายโดยไม่มีเรื่องโต้เถียงทะเลาะอะไรกันเลย เมื่อผู้เสียหายสลบแล้วจำเลยก็ทิ้งผู้เสียหายไว้ในป่าหนีกลับกรุงเทพฯ เช่นนี้ จึงฟังได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายโดยการไตร่ตรองไว้ก่อน
พิพากษายืน