แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เมื่อเจ้าหนี้ได้ยอมปลดหนี้ตามส่วนของผู้ค้ำประกันลูกหนี้แล้ว หนี้ที่ผู้ค้ำประกันจะพึงต้องชำระก็ตกเป็นพับแก่เจ้าหนี้ เจ้าหนี้จะเรียกร้องเอาแก่ผู้ค้ำประกันร่วมกันอีกคนหนึ่งเกินกว่าที่ต้องรับผิดไม่ได้
ผู้ค้ำประกันร่วมคนหนึ่งซึ่งยอมชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ไปเกินกว่าส่วนที่ตนต้องรับผิดนั้น ไม่มีสิทธิไล่เบี้ยเอาจากผู้ค้ำประกันร่วมคนอื่นผู้ซึ่งเจ้าหนี้ได้ปลดหนี้ให้แล้ว
ย่อยาว
คดีได้ความว่าเดิมนายโข่เจ้าหนี้ได้ฟ้องนายรัตน์ลูกหนี้และโจทก์จำเลยผู้ค้ำประกันเรียกเงินตามสัญญากู้ทุนทรัพย์ 4,473 บาทตามสำนวนแพ่งเลขแดงที่ 126/2498 ของศาลจังหวัดร้อยเอ็ด ศาลพิพากษาให้นายรัตน์ลูกหนี้ชำระเงิน 4,260 บาท กับดอกเบี้ยให้นายโข่ต่อมาโจทก์ชำระเงินให้นายโข่ 2,000 บาท ยังไม่หมดหนี้ นายโข่จึงฟ้องนายสอนโจทก์ฐานผิดสัญญาค้ำประกันให้ชำระเงิน 2,886 บาท ตามสำนวนแพ่งเลขแดงที่ 174/2498 ของศาลจังหวัดร้อยเอ็ด โจทก์ประนีประนอมยอมความชำระเงินให้นายโข่พร้อมทั้งค่าฤชาธรรมเนียมเป็นเงิน 2,999 บาทแล้ว โจทก์จึงฟ้องขอให้บังคับจำเลยซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันร่วมกับโจทก์ใช้เงินให้โจทก์ครึ่งหนึ่งเป็นเงิน 2,495 บาท
ศาลชั้นต้นเห็นว่าโจทก์ได้ชำระหนี้ให้นายโข่ 2 ครั้งเป็นเงิน4,886 บาท จำเลยต้องรับผิดครึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 683, 684 พิพากษาให้จำเลยใช้เงิน 2,443 บาท แก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เชื่อว่านายโข่เจ้าหนี้ได้ปลดหนี้ให้แก่จำเลยในฐานะผู้ค้ำประกันแล้ว เมื่อเป็นเช่นนี้นายโข่ย่อมหมดสิทธิเรียกร้องตามส่วนที่ได้ปลดหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ นั้นด้วย หามีสิทธิเรียกร้องจากโจทก์ลูกหนี้ที่ไม่ได้รับการปลดหนี้เต็มจำนวนหนี้ไม่ และโจทก์ก็ไม่มีสิทธิฟ้องไล่เบี้ยเอากับจำเลยในส่วนที่จำเลยค้ำประกันและโจทก์ได้ชำระหนี้ให้นายโข่ไป เป็นเรื่องที่โจทก์จะไปว่ากล่าวเอากับเจ้าหนี้ พิพากษากลับยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกาว่าจำเลยยื่นฟ้องอุทธรณ์โดยมิได้นำเงินซึ่งต้องใช้โจทก์มาวางศาลพร้อมคำฟ้องอุทธรณ์ ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 229 และว่านายโข่ยังไม่ได้ปลดหนี้ในฐานะผู้ค้ำประกันนายรัตน์ให้แก่จำเลย
ศาลฎีกาเห็นว่าคดีนี้จำเลยได้วางเงินค่าธรรมเนียมที่จะต้องใช้แทนโจทก์ตามคำพิพากษาพร้อมกับคำฟ้องอุทธรณ์ จึงเป็นคำฟ้องอุทธรณ์ที่ชอบด้วยกฎหมาย ที่คัดค้านว่านายโข่เจ้าหนี้ยังไม่ได้ปลดหนี้ในฐานะผู้ค้ำประกันนายรัตน์ให้แก่จำเลย ได้ความชัดเจนว่านายโข่เจ้าหนี้ได้ยอมปลดหนี้ให้แก่จำเลยดังที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยไว้โดยละเอียดแล้ว เมื่อเป็นดังนี้ หนี้ที่จำเลยเป็นผู้ค้ำประกันนายรัตน์ไว้ก็ตกเป็นพับแก่นายโข่เจ้าหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 296 นายโข่จะเรียกร้องเอาแก่จำเลยไม่ได้ ส่วนโจทก์ก็ต้องรับผิดต่อนายโข่เพียงส่วนของตน การที่โจทก์ได้ชำระหนี้ให้แก่นายโข่เกินกว่าส่วนของโจทก์ซึ่งต้องรับผิด หามีสิทธิฟ้องไล่เบี้ยเอาจากจำเลยไม่ พิพากษายืน