แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้ตายกับพวกผู้เสียหายนั่งรถยนต์มาด้วยกัน ผู้เสียหายคนหนึ่งขับรถยนต์นั้นแซงรถจักรยานยนต์ของจำเลยทั้งสองแล้วเฉี่ยวรถของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 ขับรถจักรยานยนต์ไล่กวดรถยนต์ดังกล่าว โบกมือให้รถยนต์หยุด เมื่อรถยนต์หยุดแล้วจำเลยที่ 2 ยืนขวางหน้ารถยนต์ไว้ไม่ให้แล่นต่อไป จำเลยที่ 1 ขับรถจักรยานยนต์ตามไปทันและได้ใช้ปืนยิงผู้ตายกับพวกผู้เสียหายซึ่งอยู่ในรถยนต์ เป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายและพวกผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บสองคน เมื่อยิงแล้วจำเลยทั้งสองได้ขับรถจักรยานยนต์หนีไปทางเดียวกัน เมื่อตำรวจเรียกให้หยุด ก็ไม่ยอมหยุด ดังนี้ จำเลยที่ 2 เป็นตัวการร่วมกับจำเลยที่ 1 กระทำผิดฐานฆ่าและพยายามฆ่าผู้อื่น
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 83 และริบกระสุนปืนของกลาง
จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ จำเลยที่ 2 ให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 กระทงหนึ่ง และมาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 80 อีกกระทงหนึ่งให้ลงโทษตามมาตรา 288 อันเป็นกระทงหนักตามมาตรา 91วางโทษจำคุกตลอดชีวิตจำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามมาตรา 78 ประกอบด้วยมาตรา 53 ให้จำคุก 12 ปี ริบหัวกระสุนปืนของกลางให้ยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 2
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 ให้จำคุก 15 ปี คำให้การของจำเลยที่ 2 ชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาอยู่บ้าง ลดโทษให้ 1 ใน 3 ตามมาตรา 78 ให้จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 10 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า นายผ่องผู้ตายกับนายชุบ นายบุญช่วยและนางศิริผู้เสียหายได้นั่งรถยนต์จากจังหวัดพังงามุ่งหน้าไปจังหวัดพระนคร โดยนายชุบเป็นคนขับเมื่อรถแล่นมาตามถนนเพชรเกษม ถึงเขตตำบลบ้านฆ้องอำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี นายชุบได้ขับรถแซงรถจักรยานยนต์ที่จำเลยทั้งสองขับเคียงกันไปแล้วเฉี่ยวรถของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 ขับรถจักรยานยนต์แซงรถยนต์นั้น พร้อมกับโบกมือให้หยุด นายชุบจึงหยุดรถ จำเลยที่ 2 ลงจากรถไปยืนขวางหน้ารถยนต์พอดีจำเลยที่ 1 ขับรถไปถึง จำเลยที่ 1 วิ่งตรงไปที่รถยนต์ใช้ปืนสั้นยิงไปที่กระโปรงรถยนต์ 1 นัด ต่อจากนั้นเข้าไปยืนข้างประตูคนขับ จ่อยิงนายชุบ กระสุนถูกใต้ไหปลาร้า แล้วยิงนายบุญช่วยและนายผ่องผู้ตาย เป็นเหตุให้นายผ่องถึงแก่ความตาย แล้วจำเลยทั้งสองขึ้นรถจักรยานยนต์ขับหนีไปจากที่เกิดเหตุ รถตำรวจทางหลวงได้รับแจ้งเหตุจึงไล่กวดรถจำเลยไป พร้อมกับใช้เครื่องขยายเสียงบอกให้รถจำเลยจอด แต่รถจำเลยทั้งสองไม่หยุด จึงวินิจฉัยว่าพฤติการณ์ส่อแสดงว่าจำเลยที่ 2 มีเจตนาร่วมรู้กับจำเลยที่ 1 ในการยิงผู้ตายกับพวกในรถยนต์เพราะความโกรธที่รถผู้ตายนั่งขับเฉี่ยวรถจำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 2 ทำหน้าที่ขับรถไปแซงให้รถยนต์หยุดแล้วขวางไม่ให้รถยนต์แล่นต่อไป เพื่อรอให้จำเลยที่ 1 ตามไปยิงผู้ตายกับพวกที่นั่งอยู่ในรถยนต์ได้สมเจตนาของจำเลยทั้งสอง ฟังได้ว่าจำเลยที่ 2 เป็นตัวการร่วมกับจำเลยที่ 1 กระทำความผิดฐานฆ่าและพยายามฆ่าผู้อื่น
พิพากษายืน