แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ข้อเท็จจริงฟังว่าโจทก์และบุคคลอื่นรวมประมาณ 40 คนอาศัยทางพิพาทเดินจากที่อาศัยซึ่งอยู่ด้านในออกไปสู่ซอยมิตรคามซึ่งเป็นทางสาธารณะมาประมาณ 40 ปี โดยไม่มีทางอื่น เช่นนี้ ถือว่าทางพิพาทเป็นที่มีภาระจำยอมเช่นนี้โจทก์ไม่จำต้องชดใช้ค่าใช้ทางเดินตามประมวลแพ่งฯ มาตรา 1349 ให้แก่จำเลยซึ่งเป็นเจ้าของ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าเดิมขุนปราบพลเรียบถือกรรมสิทธิ์ที่ซอยมิตรคามบริเวณบ้านญวนสามเสน จังหวัดพระนคร เนื้อที่ประมาณ 132 ตารางวาตามแผนที่สังเขปท้ายฟ้องในบริเวณ ก.ข.จ.ฉ. ขุนปราบพลเรียบปลูกเรือนอยู่และได้เปิดทางเดินจากริมคลองบ้านญวนมาสู่ซอยมิตรคามกว้าง 1 เมตร50 ซ.ม. ขุนปราบพลเรียบได้อนุญาตให้บุคคลที่ปลูกบ้านอยู่ในที่ดินฝั่งทางเดิน จ.ฉ. และประชาชนสัญจรไปมาในทางดังกล่าวมา 40 ปีเศษเป็นทางสาธารณะตามกฎหมาย นอกจากเป็นทางสาธารณะแล้ว บุคคลที่มีบ้านเรือนตามแผนที่หมาย จ.ฉ. ได้ใช้เดินเข้าออกมากว่า 16 ปี เป็นทางภาระจำยอม ทั้งไม่มีทางอื่นจะออกสู่ซอยมิตรคามเพราะตกอยู่ในที่ล้อม ไม่มีทางออก อยู่ในลักษณะจำเป็นที่จะต้องใช้ทางนี้เดินเข้าสู่ซอยมิตรคามด้วย จำเลยเป็นผู้รับโอนบ้านเรือนจากขุนปราบพลเรียบ และเอาไม้ปิดทางเสีย เหลือไว้เพียง 60 ซ.ม. โดยไม่มีอำนาจทำได้โดยชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งจำเลยต้องชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์จึงมาฟ้องขอให้ศาลสั่งว่าทางดังกล่าวเป็นทางสาธารณะ หรือเป็นทางภารจำยอม และเป็นทางจำเป็นให้จำเลยเปิดทางนี้ให้เดินโดยปกติและใช้ค่าเสียหาย
จำเลยให้การว่าทางพิพาทไม่ใช่ทางสาธารณะ โจทก์เพิ่งปลูกเรือนได้ 5 ปี ไม่เป็นภารจำยอมและไม่จำเป็นและตัดฟ้องว่าฟ้องเคลือบคลุม
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า ทางพิพาทเป็นทางจำเป็น ให้จำเลยเปิดทางให้กว้าง 80 ซ.ม. ยาว 17 วา และให้โจทก์จ่ายเงินค่าทดแทนให้จำเลย 4,050 บาท
โจทก์อุทธรณ์ว่าทางนี้เป็นทางสาธารณะและเป็นทางมีภารจำยอม และโจทก์ไม่ควรต้องใช้ค่าที่ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่ามีคนประมาณ 30-40 คนอาศัยเข้าออกทางนี้ตลอดมาประมาณ 40 ปี ที่พิพาทจึงตกเป็นที่มีภารจำยอมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1387, 1401, 1382 และเพราะโจทก์และผู้อื่นมีที่อยู่ข้างในได้ใช้ทางพิพาทเป็นทางสัญจรไปสู่ซอยมิตรคามซึ่งเป็นทางสาธารณะมา 40 ปี จำเลยไม่มีสิทธิได้รับค่าทดแทน