คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1779/2493

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้เช่าได้เช่าตึกมาตั้งแต่ยังเป็นของเจ้าของคนเดิม เมื่อเจ้าของคนเดิมจะขายตึกที่เช่า ผู้เช่าก็ได้ตกลงกับเจ้าของคนเดิม ซึ่งเป็นผู้ให้เช่าและกับผู้ที่จะเป็นเจ้าของใหม่ว่า ตนยินยอมออกจากตึกที่เช่า เมื่อผู้ให้เช่าเดิมขายตึกนั้น และครั้นเมื่อเจ้าของใหม่ซื้อตึกนั้นแล้ว ผู้เช่านั้นก็ยังได้ขอผัดต่อมาอีกจนที่สุดทำสัญญาเช่าอยู่ต่อมา เพื่อขอเวลาออกจากตึกที่เช่าไปภายในกำหนด ดังนี้ เป็นที่เห็นได้ว่า ผู้เช่ายินยอมออกจากตึกตามความหมายของ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน มาตรา16(5) แล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากตึกแถว ซึ่งโจทก์รับซื้อไว้โดยอ้างว่าจำเลยเป็นผู้เช่าอยู่แล้วรับรองว่าจะออกจากตึกภายใน 8 เดือน ครบกำหนดแล้วไม่ยอมออกโจทก์จึงฟ้อง

ข้อเท็จจริงได้ความว่า จำเลยเช่าตึกรายนี้ตั้งร้านตัดผมและอยู่อาศัยมาก่อน น้าจำเลยผู้เป็นเจ้าของตึก จะขายตึกแก่ฝ่ายโจทก์จำเลยต้องการให้น้าจำเลยขายตึกนี้ได้ จำเลยจึงตกลงกับน้าของจำเลยและผู้แทนฝ่ายโจทก์ว่า ถ้าโจทก์ซื้อแล้ว จำเลยจะยอมออกจากตึกที่เช่าในที่สุดโจทก์จึงซื้อตึกรายนี้ไว้ จำเลยขอผลัดเรื่อยมาจนครบ 1 เดือน จำเลยจึงได้ทำสัญญาเช่าให้โจทก์ มีกำหนด 8 เดือน ครั้นครบกำหนดจำเลยไม่ยอมออก โจทก์มีหนังสือบอกกล่าวให้จำเลยออกจากตึกที่เช่าแล้วจำเลยไม่ออกโจทก์จึงฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาขับไล่จำเลยออกจากตึกพิพาท

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ตามข้อเท็จจริงดังกล่าวแล้ว จำเลยได้ตกลงกับผู้ให้เช่าเดิมกับผู้จะเป็นเจ้าของใหม่ว่า จำเลยยินยอมออกจากตึกที่ ๆ เช่า เมื่อผู้ให้เช่าเดิมขายตึกนั้น ทั้งเมื่อโจทก์เป็นผู้รับซื้อไว้แล้ว จำเลยก็ยังได้ขอผลัดต่อมาอีก จนในที่สุดทำสัญญาเช่าอยู่ต่อมา เพื่อขอเวลาออกจากตึกที่เช่าภายใน 8 เดือนดังนี้ เป็นที่เห็นได้ว่า จำเลยยินยอมออกจากตึกเช่าตามความหมายของพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขันมาตรา 16(5) แล้วฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น

จึงพิพากษายืน

Share