คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1746/2511

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยรับราชการในตำแหน่งอาจารย์ใหญ่โรงเรียนรัฐบาล ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการเงินของโรงเรียน ได้รับอนุมัติจากทางราชการให้ยืมเงินรองจ่ายมาเพื่อใข้จ่ายดำเนินกิจการของโรงเรียนตามหน้าที่ เมื่อจำเลยได้ใช้จ่ายเงินรองจ่ายที่ได้รับอนุมัตินั้นเพื่อกิจการของโรงเรียนไปหมดสิ้นแล้ว โดยมิได้เบียดบังไว้เป็นประโยชน์ส่วนตัว ทั้งทางราชการก็ได้ยอมรับเอาผลงานที่จำเลยได้กระทำไปเรียบร้อยสมประโยชน์แล้ว ไม่เกิดความเสียหายอย่างใด แม้จำเลยจะมิได้ส่งใบสำคัญการจ่ายเงินให้ตรวจสอบตามระเบียบของทางราชการก็เป็นเรื่องจะดำเนินการทางวินัย จำเลยไม่มีหน้าที่ตามกฎหมายที่จะต้องคืนหรือชดใข้เงินรองจ่ายที่ยืมมานั้น
เมื่อจำเลยไม่ต้องรับผิดใช้เงินรองจ่ายคืนปัญหาข้อกฎหมายที่ว่าสิทธิเรียกร้องเงินรองจ่ายคืนขาดอายุความฟ้องร้องแล้วหรือไม่ ย่อมไม่เป็นสารแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยรับราชการในตำแหน่งอาจารย์ใหญ่โรงเรียนช่างกลปทุมวัน มีหน้าที่รับผิดชอบด้านการเงินของโรงเรียนให้เป็นไปตามระเบียบแบบแผนของราชการ โดยเฉพาะเงินยืมทดรองราชการซึ่งจำเลยรับมาเพื่อดำเนินการอย่างใด เมื่องานเสร็จ จำเลยต้องส่งใบสำคัญการใช้จ่ายและเงินเหลือคืนให้โจทก์ หากมิได้ดำเนินการ ก็ต้องส่งเงินคืน ไม่เช่นนั้นจำเลยต้องรับผิด เมื่อระหว่างวันที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๔๙๖ ถึง ๙ กรกฎาคม ๒๔๙๙ จำเลยได้ยืมเงินรองจ่ายของโจทก์ไปเพื่อปฏิบัติราชการของโรงเรียน ๓๘ รายการ รวม ๒๐๐,๙๖๔.๑๒ บาท แล้วมิได้ส่งใบสำคัญและนำเงินยืมส่งคืนแก่โจทก์ จึงขอให้บังคับจำเลยใช้เงินจำนวนดังกล่าวพร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยต่อสู้ว่า โจทก์ไม่มีอำนาจต้องฟ้องจำเลยปฏิบัติราชการตามหน้าที่ มิได้เบียดบังยักยอกเงินเอาไปใช้เป็นส่วนตัว ไม่มีหน้าที่ส่งเงินคืน คดีขาดอายุความ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาต่อมา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยในฐานะอาจารย์ใหญ่โรงเรียนช่างกลปทุมวันได้ยืมเงินรองจ่ายจากโจทก์ ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชามาใช้จ่ายดำเนินกิจการของโรงเรียนตามหน้าที่ในด้านอาชีวศึกษารวม ๓๘ รายการ เป็นเงิน ๒๐๐,๙๖๔.๑๒ บาท ในจำนวนนั้น ๓๕ รายการ เป็นเงินยืมรองจ่ายค่าจ้างสอน ค่าจ้างครูและรองจ่ายเงินเดือน จำเลยได้จ่ายให้แก่ครูพิเศษที่มาสอนไปทั้งหมดแล้ว มีหลักฐานการรับในสมุดจ่ายเงินเดือนเงินค่าจ้าง ส่วนอีก ๓ รายการเป็นเงินยืมรองจ่ายค่าก่อสร้างรั้วโรงเรียน ค่าซื้ออุปกรณ์สร้างประปา และค่าซื้ออุปกรณ์วางท่อประปา จำเลยได้ดำเนินการก่อสร้างเสร็จเรียบร้อยและได้มีการตั้งกรรมการรับมอบงานเรียบร้อยแล้ว โจทก์ไม่มีพยานยืนยันว่า จำเลยได้ทำการทุจริตเบียดบังเอาเงินที่ได้รับอนุมัติมาดังกล่าวไว้เป็นประโยชน์ส่วนตน หรือได้ทำการเบิกเงินจากงบประมาณตามประเภทที่ได้ยืมรองจ่ายซ้ำมาอีกและเอาเป็นประโยชน์ของจำเลยแต่อย่างใด
ตามข้อเท็จจริงที่ได้ความดังกล่าวแล้ว แสดงโดยชัดแจ้งว่า จำเลยได้ใช้จ่ายเงินที่ยืมรองจ่ายตามที่ได้รับอนุมัติในกิจการต่าง ๆ ตรงตามประเภทงานที่ได้รับมอบหมายมาในหน้าที่และตามจำนวนเงินที่ได้รับมาโดยครบถ้วนถูกต้องเป็นการเสร็จสิ้นสมประโยชน์ของโจทก์แล้ว เท่ากับได้มีการตรวจสอบว่าได้ใช้จ่ายเงินที่ยืมรองจ่ายไปเป็นการถูกต้องครบถ้วนแล้วนั่นเอง หากการกระทำของจำเลยดังกล่าวจะเป็นการฝ่าฝืนระเบียบ ก็เป็นเรื่องที่จะต้องดำเนินการทางระเบียบวินัย จำเลยไม่มีหน้าที่ตามกฎหมายที่จะต้องคืนหรือชดใช้เงินยืมรองจ่ายที่จำเลยรับมาให้โจทก์อีก
ที่โจทก์ฎีกาว่า เมื่อจำเลยไม่ส่งใบสำคัญจ่ายให้ตรวจสอบตามระเบียบแล้ว จำเลยก็ต้องส่งใช้เงินยืมรองจ่ายหรือเงินทดรองราชการที่ยืมไปคืนนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อข้อเท็จจริงได้ความชัดแล้วว่า จำเลยได้นำเงินยืมรองจ่ายหรือเงินทดรองราชการที่ได้รับมาตามหน้าที่ราชการใช้จ่ายทำกิจการต่าง ๆ จนสำเร็จและมอบผลงานอันเกิดจากเงินยืมรองจ่ายดังกล่าวให้แก่โจทก์เสร็จเรียบร้อยและไม่มีความเสียหายใด ๆ เกิดขึ้นเลย หากจะยังต้องให้จำเลยคืนหรือใช้เงินยืมรองจ่ายหรือเงินทดรองราชการที่นำไปใช้ในกิจการดังกล่าวนั้น ๆ ให้แก่โจทก์อีก ก็เท่ากับโจทก์ถือเอาระเบียบเรียกเอาเงินจากจำเลยถึงสองเท่าของเงินยืมรองจ่าย หรือเงินทดรองราชการที่ให้จำเลยไป ซึ่งเป็นการไม่ถูกต้องตามความเป็นจริง แสดงว่าระเบียบดังกล่าวหามีวัตถุประสงค์ดังโจทก์อ้างไม่
ส่วนฎีกาของโจทก์ในปัญหาเรื่องอายุความนั้น เมื่อจำเลยไม่มีหน้าที่ต้องรับผิดใช้คืนเงินยืมตามฟ้องแล้ว ก็ไม่จำต้องวินิจฉัย เพราะไม่มีประโยชน์แก่คดีโจทก์
พิพากษายืน

Share