คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1741/2511

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อศาลพิพากษาให้จำเลยและบริวารออกจากที่ดินพิพาทแล้วคำพิพากษานี้ย่อมมีผลบังคับถึงบริวารจำเลยด้วย แม้ห้องแถวซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินพิพาทจะหลุดเป็นสิทธิของบุคคลอื่นก็ตาม บริวารจำเลยก็ยังมีหน้าที่ออกไปจากที่พิพาท และโจทก์ย่อมมีอำนาจบังคับให้บริวารจำเลยออกจากที่พิพาทตามคำพิพากษาของศาลได้

ย่อยาว

คดีนี้ ศาลฎีกาพิพากษาให้จำเลยรื้อย้ายสิ่งปลูกสร้างออกจากที่ดินพิพาทห้ามจำเลยกับบริวารเข้าเกี่ยวข้อง ศาลชั้นต้นได้ออกคำบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษา ต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องขอให้หมายเรียกจำเลยกับบริวารมาสอบถามถึงเหตุที่ไม่ปฏิบัติตามคำบังคับ ส่งหมายให้บริวารจำเลยได้บางคน ถึงวันนัด บริวารจำเลย 3 คน มาศาล และแถลงว่าไม่ใช่บริวารของจำเลย

ศาลชั้นต้นทำการไต่สวนแล้ว มีคำสั่งว่านายเช่งน่ำ นายบักเว้งและนายทองสุข เป็นบริวารของจำเลย ไม่มีสิทธิอื่นใดที่จะอยู่ในที่ดินพิพาทของโจทก์ จึงให้บุคคลทั้งสามรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและออกไปจากที่ดินของโจทก์

บริวารจำเลยทั้งสามอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ฟังว่า บุคคลทั้งสามเป็นบริวารของจำเลย แต่เห็นว่าที่ศาลชั้นต้นสั่งให้บุคคลทั้งสามรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างยังไม่ชอบพิพากษาแก้ โดยไม่บังคับให้บุคคลทั้งสามต้องรื้อสิ่งปลูกสร้างด้วย

บริวารจำเลยทั้งสามฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้ บุคคลทั้งสามได้เคยแถลงรับต่อศาลว่าเป็นบริวารของจำเลยจริง และจะออกจากที่พิพาท บัดนี้ ศาลฎีกาได้พิพากษาคดีถึงที่สุดแล้ว บริวารทั้งสามกลับปฏิเสธว่าไม่ใช่บริวารของจำเลย แต่อยู่ในฐานะเป็นผู้เช่าจากวัด เช่นนี้เห็นว่า ที่บริวารจำเลยทั้งสามคนนี้คงอยู่ในห้องพิพาทนั้นได้อยู่ในฐานะเป็นบริวารของจำเลยตลอดมา หาใช่อยู่ในฐานะเป็นผู้เช่าจากวัดไม่ สัญญาเช่าที่พิพาทเพื่อจะปลูกตึกแถวนั้น เป็นคนละเรื่องกับคดีนี้ สัญญานั้นจะผูกมัดวัดหรือไม่ ยังเป็นปัญหาโต้เถียงอยู่ แม้บริวารของจำเลยจะชนะคดีเรื่องนั้นในที่สุด ก็ไม่เป็นเหตุให้คำพิพากษาของคดีนี้เปลี่ยนแปลงแต่ประการใด คดีนี้คู่ความมีหน้าที่จะต้องปฏิบัติตามคำพิพากษาและบริวารของจำเลยทั้งสามก็อยู่ในข่ายที่จะต้องปฏิบัติด้วย ฉะนั้น ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า บริวารจำเลยทั้งสามคนนี้ไม่มีสิทธิที่จะอยู่ในที่พิพาทต่อไป จึงชอบแล้ว

ข้อที่บริวารจำเลยฎีกาว่า บัดนี้ ห้องแถวพิพาทตกเป็นของหลวงยุทธสารประสิทธิแล้ว วัดหรือกรมการศาสนาไม่มีอำนาจในห้องแถวนี้แล้วจึงไม่มีอำนาจขับไล่บริวารจำเลยออกจากห้องแถวได้นั้น เห็นว่าเดิมบุคคลทั้งสามเช่าห้องแถวจากจำเลย บุคคลทั้งสามจึงอยู่ในฐานะบริวารของจำเลย เมื่อศาลพิพากษาให้จำเลยและบริวารออกจากที่พิพาทแล้วคำพิพากษานี้ก็ย่อมมีผลบังคับถึงบริวารจำเลยด้วยการที่บริวารจำเลยยังคงอยู่ในห้องแถว ก็ย่อมถือได้ว่าจำเลยคงอยู่ในที่พิพาท แม้ห้องแถวจะหลุดเป็นสิทธิของหลวงยุทธสารประสิทธิแล้ว บริวารจำเลยก็ยังมีหน้าที่ออกไปจากที่พิพาท โจทก์จึงมีอำนาจบังคับให้บริวารจำเลยออกจากที่พิพาทตามคำพิพากษาของศาลได้ ฎีกาของบริวารจำเลยฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน

Share