แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
พยานโจทก์ 2 ปาก ซึ่งเป็นผู้ตรวจค้นและจับกุมจำเลยร่วมกันแต่เบิกความถึงการสืบสวนเบื้องต้น การตรวจค้นจับกุม ลักษณะของยาเม็ดของกลางตลอดจนลักษณะสำคัญของบ้านจำเลยแตกต่างกันทุกขั้นตอนโดยตลอดเป็นพิรุธ ถือว่า พยานหลักฐานโจทก์มีความสงสัยตามสมควรว่าจำเลยได้กระทำหรือไม่ต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลยตาม ป.วิ.อ. มาตรา 227 วรรคสอง.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 4, 6, 13, 89 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 คืนธนบัตรของกลางแก่เจ้าของ
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง คืนธนบัตรของกลางแก่เจ้าของ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา13 วรรค 1, 89 ให้จำคุก 5 ปี ธนบัตรของกลางให้คืนเจ้าของ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว คดีมีปัญหาวินิจฉัยในข้อเท็จจริงตามฎีกาจำเลยว่า ประจักษ์พยานโจทก์เบิกความแตกต่างกันมีข้อสงสัยหรือไม่ เห็นว่าประจักษ์พยานโจทก์มีรวม 2 ปาก คือร้อยตำรวจเอกประเสริฐ และสิบตำรวจตรีชม ซึ่งเป็นผู้ตรวจค้นและจับกุมจำเลยร่วมกัน แต่คำเบิกความของประจักษ์พยานทั้งสองปรากฏข้อแตกต่างเป็นพิรุธ เริ่มแต่ร้อยตำรวจเอกประเสริฐยืนยันว่าได้ออกทำการสืบสวนเบื้องต้นพร้อมกับสิบตำรวจตรีชม แต่สิบตำรวจตรีชมกลับยืนยันปฏิเสธว่าไม่ได้ออกสืบสวนร่วมด้วย ต่อมาในการพาสายลับไปดูจำเลยและบ้านก่อนนั้น สิบตำรวจตรีชมก็ยืนยันว่าร้อยตำรวจเอกประเสริฐเป็นผู้พาไปไม่ตรงกับคำเบิกความของร้อยตำรวจเอกประเสริฐที่ยืนยันว่าสิบตำรวจตรีชมไปด้วย และในเหตุการณ์ที่สายลับกลับมามอบยาเม็ดของกลางที่ล่อซื้อมาได้นั้นสิบตำรวจตรีชมยืนยันว่ายาเม็ดที่ส่งมอบให้ร้อยตำรวจเอกประเสริฐห่อด้วยกระดาษตะกั่วซองบุหรี่และยังว่าร้อยตำรวจเอกประเสริฐได้แกะกระดาษตะกั่วออกแล้วส่งยาเม็ดมาให้ดูด้วย แต่ร้อยตำรวจเอกประเสริฐยืนยันว่าสายสืบส่งยาเม็ดให้โดยไม่มีอะไรห่อหุ้ม แม้เหตุการณ์ในการเข้าตรวจค้นและจับกุมร้อยตำรวจเอกประเสริฐยืนยันว่า เมื่อไปถึงจำเลยยืนอยู่หน้าบ้านและว่าสิบตำรวจตรีชมได้เข้าไปช่วยตรวจค้นในห้องนอนของจำเลยด้วยแต่สิบตำรวจตรีชมเบิกความว่าร้อยตำรวจเอกประเสริฐได้ตะโกนเรียกจำเลยซึ่งอยู่ที่ห้องหลังบ้านให้ออกมา และยืนยันด้วยว่าไม่ได้ร่วมตรวจค้นด้วย แม้กระทั่งลักษณะสำคัญของบ้านจำเลยร้อยตำรวจเอกประเสริฐว่าเป็นบ้านชั้นเดียวยกพื้นสูงและยืนยันด้วยว่าจำเลยยืนอยู่ที่ใต้ถุนบ้านซึ่งแสดงชัดว่าเป็นบ้านชั้นเดียว ใต้ถุนสูงขนาดคนยืนได้แต่สิบตำรวจตรีชมกลับยืนยันว่าเป็นบ้านสองชั้นยกพื้นสูงเพียง 1ศอกเท่านั้น ดังนี้คำเบิกความของประจักษ์พยานโจทก์ทั้งสองปากดังกล่าวจึงแตกต่างกันทุกขั้นตอนตั้งแต่ต้นโดยตลอด เป็นพิรุธพยานหลักฐานโจทก์มีความสงสัยตามสมควรว่าจำเลยได้กระทำผิดตามฟ้องหรือไม่ ต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 227 วรรคสอง ตามคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 2 ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกาฎีกาจำเลยฟังขึ้น”
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น.