แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
แม้โจทก์ยอมรับว่าได้ออกใบเสร็จรับเงินและเวนคืนเอกสารแห่งหนี้คือใบรับขวดแล้ว และจำเลยค้านว่าหนี้ระงับไป และเมื่อใบรับเงินหมาย จ.17 ไม่มีจดแจ้งว่า การชำระหนี้ได้ชำระโดยเช็คหมาย จ.16. เมื่อฟ้องโจทก์กล่าวไว้แจ้งชัดว่า จำเลยชำระราคาขวดโดยจ่ายเป็นเช็คแต่จำเลยสั่งห้ามการใช้เงิน ดังนี้ โจทก์ย่อมนำสืบว่าโจทก์ไม่ได้รับเงินสดตามใบเสร็จรับเงินนั้นได้ไม่เรียกว่าเป็นการสืบเปลี่ยนแปลงเอกสาร กล่าวคือเมื่อโจทก์ยังไม่ได้รับเงินตามเช็คที่ออกให้ หนี้นั้นก็ยังหาระงับไปไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 เป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด จำเลยที่ 2 เป็นหุ้นส่วนไม่จำกัดความรับผิด ได้ซื้อขวดยาขนาด 25 ลูกบาศก์ ฯลฯ ไปเป็นเงิน 21,120 บาท ลดเพื่อขวดแตกแล้วคงเป็นราคา 20,486 บาท40 สตางค์ จำเลยจ่ายเช็คธนาคารไทยทนุ จำกัด ลงวันที่ 29 ก.ค. 98เงิน 20,486 บาทให้โจทก์ แล้วจำเลยสั่งห้ามจ่าย จำเลยไม่ยอมใช้ราคาขวด จึงฟ้องขอให้จำเลยร่วมกันรับผิด
จำเลยให้การว่า ได้ชำระราคาขวดแล้ว โจทก์ออกใบรับเงินให้ไว้เช็คที่ออกให้โจทก์นั้น จำเลยออกให้เพราะสั่งซื้อยาแอสไพรินแต่ไม่เป็นไปตามข้อตกลง จำเลยจึงสั่งเลิกจ่ายเงิน
ศาลชั้นต้นเห็นว่าโจทก์สืบไม่สมว่าจำเลยชำระราคาขวดเป็นเช็ค น่าเชื่อว่าจำเลยชำระเป็นเงินสดแล้ว พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้จำเลยทั้ง 2 ใช้เงินให้โจทก์ 20,486 บาท 40 สตางค์ ฯลฯ
จำเลยฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่าฟ้องโจทก์ได้กล่าวไว้โดยแจ้งชัดว่าจำเลยชำระราคาค่าขวดโดยจ่ายเป็นเช็ค แต่จำเลยสั่งธนาคารห้ามการใช้เงิน ดังนี้แม้โจทก์ยอมรับว่าได้ออกใบเสร็จรับเงินและเวนคืนเอกสารแห่งหนี้คือใบรับขวดแล้ว และจำเลยค้านว่าหนี้ย่อมระงับไปและเมื่อใบรับเงินหมาย จ.17 ไม่มีจดแจ้งว่า การชำระหนี้ได้ชำระโดยเช็คหมาย จ.16 โจทก์ก็นำสืบว่าโจทก์ไม่ได้รับเงินสดตามใบเสร็จรับเงินนั้นได้ ไม่เรียกว่าเป็นการสืบเปลี่ยนแปลงเอกสาร กล่าวคือ เมื่อโจทก์ยังไม่ได้รับเงินตามเช็คที่จำเลยออกให้ หนี้นั้นก็ยังหาระงับไปไม่ และฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยมิได้ใช้ราคาขวดเป็นเงินสดแต่ได้ออกเช็คให้แล้วสั่งงดการใช้เงินเสีย พิพากษายืน