แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ฟ้องบรรยายว่าจำเลยสมคบกันใช้อุบายจ้างวานให้ผู้อื่นตัดฟันไม้สักในป่าโดยมิได้รับอนุญาต มิได้ระบุชื่อผู้ที่จำเลยจ้างงานก็ดี เมื่อฟ้องมีข้อความบรรยายการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยกระทำผิดและรายละเอียดต่าง ๆ พอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีเพียงพอกับความประสงค์ ป.ม.วิ.อาญามาตรา 158 (5) และจำเลยก็เข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว ก็ย่อมเป็นฟ้องที่สมบูรณ์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยบังอาจสมคบกันใช้อุบายจ้างวานผู้อื่นให้ตัดฟันไม้สักในป่า ๖๐ ต้น โดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน ขอให้ลงโทษ
จำเลยปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยตัดไม้สักในที่ดินที่จำเลยที่ ๑ มีสิทธิครอบครอง จึงไม่ใช่ป่า ทั้งฟ้องโจทก์ก็ไม่กล่าวว่าจำเลยใช้อุบายจ้างวานใคร ให้ชัดเจนแจ่มแจ้ง ไม่มีทางจะลงโทษจำเลยได้ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับว่าจำเลยมีความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ ๒๔๘๔ มาตรา ๑๑,๗๓,๗๔ จำคุกคนละ ๑ เดือน ปรับคนละ ๓๐๐ บาท ฯลฯ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า แม้ฟ้องของโจทก์จะไม่ระบุตัวบุคคลที่กล่าวว่าจำเลยจ้างวานให้ตัดฟันไม้รายนี้ ก็ดีแต่ฟ้องก็ได้บรรยายการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยกระทำผิดและรายละเอียดต่าง ๆ พอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี เพียงพอกับความประสงค์ตามบทบัญญัติป.ม.วิ.อาญามาตรา ๑๕๘ (๕) แล้ว จำเลยก็เข้าใจข้อหาได้ดี จึงได้ให้การแก้และดำเนินคดีในศาลชั้นต้นตลอดมาโดยมิได้หยิบยกความข้อนี้ ขึ้นคัดค้านประการใด
ส่วนที่ดินที่ตัดฟันไม้ ฟังข้อเท็จจริงว่าเป็นที่ป่าจึงพิพากษายืน