แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ลูกจ้างของโจทก์ขับรถยนต์คันที่เอาประกันภัยไปชนรถยนต์ของผู้อื่นเสียหาย โดยรถยนต์คันที่เอาประกันภัยอยู่ในความครอบครองของโจทก์หรือลูกจ้างของโจทก์ มิได้อยู่ในความครอบครองของบริษัทผู้เอาประกันภัยผู้เอาประกันภัยจึงไม่ต้องรับผิดชอบสำหรับวินาศภัยที่เกิดขึ้น ดังนั้น จึงไม่มีค่าสินไหมทดแทนที่จำเลยผู้รับประกันภัยจะต้องชดใช้แทนผู้เอาประกันภัยแต่อย่างใด
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า บริษัทยิบอินซอย จำกัด ได้เอาประกันภัยรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน อ.น.02079 ไว้แก่จำเลย บริษัทยิบอินซอย จำกัดได้โอนสิทธิเรียกร้องตามสัญญาประกันภัยให้แก่โจทก์ ต่อมาในระหว่างอายุของสัญญาประกันภัย นายจำนงลูกจ้างของโจทก์ขับรถยนต์คันดังกล่าวชนรถยนต์ของนายวิเชียรเสียหาย ศาลพิพากษาให้โจทก์ในฐานะนายจ้างของนายจำนงใช้ค่าเสียหายแก่นายวิเชียร จำเลยในฐานะผู้รับประกันภัยต้องรับผิดชอบต่อโจทก์ตามสัญญาประกันภัย โดยต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อจำนวนวินาศภัยต่อบุคคลภายนอก ขอให้บังคับจำเลยใช้เงินจำนวนที่โจทก์จะต้องชดใช้แก่นายวิเชียรให้โจทก์
จำเลยให้การว่า ขณะเกิดเหตุรถยนต์ชนกัน รถยนต์คันหมายเลขทะเบียน อ.น.02079 อยู่ในความครอบครองใช้ประโยชน์ของโจทก์ฝ่ายเดียว บริษัทยิบอินซอย จำกัด ไม่ต้องรับผิดชอบและไม่ได้ถูกบังคับให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่บุคคลภายนอกร่วมกับโจทก์ด้วย บริษัทยิบอินซอย จำกัด ไม่อยู่ในฐานะผู้เสียหายแต่อย่างใด โจทก์จึงมิได้เป็นผู้รับโอนสิทธิเรียกร้องในอันที่จะนำคดีมาฟ้องได้ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยใช้เงินแก่โจทก์ตามฟ้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้จำเลยฎีกาได้แต่เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายและในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายศาลฎีกาจำต้องถือข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ได้ฟังมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวนซึ่งมีว่า โจทก์ได้เช่าซื้อรถยนต์หมายเลขทะเบียน อ.น.02079 จากบริษัทยิบอินซอยจำกัด โดยบริษัทยิบอินซอย จำกัด ได้เอารถยนต์คันนี้ไปทำสัญญาประกันภัยไว้แก่จำเลยตามเอกสารหมาย จ.4 ต่อมาในระหว่างอายุของการคุ้มครองตามสัญญาประกันภัยดังกล่าวนายจำนงคนขับรถของโจทก์ได้ขับรถยนต์หมายเลขทะเบียน อ.น.02079 ไปชนกับรถยนต์เก๋งของผู้มีชื่อ เจ้าของรถยนต์เก๋งฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนจากโจทก์ในฐานะนายจ้างของนายจำนง ศาลพิพากษาให้โจทก์ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่เจ้าของรถเก๋งเป็นเงิน 40,462 บาท 50 สตางค์โจทก์ทวงถามบริษัทยิบอินซอย จำกัด ให้ชำระเงินจำนวนนี้ บริษัทยิบอินซอย จำกัด ในฐานะผู้เอาประกันภัยรถยนต์หมายเลขทะเบียนอ.น.02079 ไว้แก่จำเลยและเป็นผู้รับประโยชน์ตามสัญญาประกันภัยจึงทำหนังสือโอนสิทธิเรียกร้องตามสัญญาประกันภัยให้โจทก์ไปเรียกร้องเอาเงินค่าสินไหมทดแทนจำนวนดังกล่าวจากจำเลย จำเลยไม่ยอมชำระโจทก์จึงฟ้องคดีนี้ ปัญหามีว่า จำเลยจะต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจำนวนดังกล่าวให้แก่โจทก์ตามฟ้องหรือไม่ เห็นว่าตามคำบรรยายฟ้องของโจทก์ซึ่งมีใจความสรุปได้ว่า ตามสัญญาประกันภัยรายพิพาท จำเลยในฐานะผู้รับประกันภัยต้องรับผิดชอบชดใช้ค่าสินไหมทดแทนต่อวินาศภัยที่เกิดแก่บุคคลภายนอกอันเนื่องมาแต่รถยนต์คันที่เอาประกันภัยไปชนรถยนต์ของบุคคลภายนอกเสียหายนั้น มีลักษณะเป็นสัญญาประกันภัยค้ำจุน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 887 วรรค 1ซึ่งบัญญัติว่า “อันว่าประกันภัยค้ำจุนนั้น คือสัญญาประกันภัยซึ่งผู้รับประกันภัยตกลงว่าจะใช้ค่าสินไหมทดแทนในนามของผู้เอาประกันภัยเพื่อความวินาศภัยอันเกิดขึ้นแก่บุคคลอีกคนหนึ่งและซึ่งผู้เอาประกันภัยจะต้องรับผิดชอบ” ตามบทบัญญัติดังกล่าวนี้จะเห็นได้ว่า ผู้รับประกันภัยจะต้องรับผิดชอบสำหรับวินาศภัยที่เกิดขึ้นแก่บุคคลอีกคนหนึ่ง ก็ต่อเมื่อผู้เอาประกันภัยจะต้องรับผิดชอบสำหรับวินาศภัยที่เกิดขึ้นนั้น ข้อเท็จจริงในคดีเรื่องนี้ได้ความว่า ขณะที่ลูกจ้างของโจทก์ขับรถยนต์คันที่เอาประกันภัยไปชนรถยนต์เก๋งผู้มีชื่อเสียหายนั้น รถยนต์คันที่เอาประกันภัยอยู่ในความครอบครองของโจทก์หรือลูกจ้างของโจทก์มิได้อยู่ในความครอบครองของบริษัทยิบอินซอย จำกัด ตามนัยมาตรา 437 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บริษัทยิบอินซอย จำกัด ผู้เอาประกันภัยจึงไม่ต้องรับผิดชอบในเรื่องที่รถชนกันอันเป็นการกระทำละเมิดต่อเจ้าของรถยนต์เก๋งดังกล่าว เมื่อบริษัทยิบอินซอย จำกัด ผู้เอาประกันภัยไม่ต้องรับผิดชอบจึงไม่มีค่าสินไหมทดแทนที่จำเลยผู้รับประกันภัยจะต้องชดใช้แทนบริษัทยิบอินซอย จำกัด ผู้เอาประกันภัยแต่อย่างใดจำเลยจึงไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์ตามฟ้องไม่จำต้องวินิจฉัยว่าหนังสือโอนสิทธิเรียกร้องจะสมบูรณ์รับฟังได้ตามกฎหมายหรือไม่
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ ให้โจทก์เสียค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลแทนจำเลย โดยกำหนดค่าทนายความ 3,100 บาท