แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ก. และ ว. โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินทั้งแปลงซึ่งมีที่ดินส่วนพิพาทอันเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์รวมอยู่ด้วย ยกให้แก่จำเลย และจำเลยรู้ความจริงอยู่ว่าที่พิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ แม้จำเลยจะโอนกรรมสิทธิ์ให้จำเลยร่วมซึ่งเป็นภริยาเป็นเจ้าของร่วมด้วย จำเลยและจำเลยร่วมก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินส่วนพิพาท
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและเพิ่มเติมฟ้องว่า โจทก์ที่ ๑ ที่ ๒ เป็นเหลนและหลานของนายเลอ นางมะ เมื่อราว ๕๐-๖๐ ปีมานี้ นายเลอนางมะแบ่งที่ดินยกให้นางวอน นาวัน นางสาวแหวน นายกรานซึ่งเป็นบุตรพวกบุตรดังกล่าวต่างครอบครองทำกินเป็นส่วนสัด เมื่อประมาณ๔๕-๔๖ ปีมานี้ เจ้าพนักงานที่ดินออกโฉนดที่แปลงนี้ โฉนดที่ ๑๕๐๓ ใส่ชื่อนางสาวแหวนกับนายกรานเป็นเจ้าของ เพราะนางวอน นางวันมีครรภ์แก่ไม่ได้ไป แต่ก็ได้ครอบครองที่ดินเป็นเจ้าของตามส่วนของตนต่อมาโจทก์ที่ ๑ ได้รับมรดกที่ดินส่วนของนางวอนโดยได้รับมรดกมาจากนางเกลิ้ดซึ่งเป็นมารดาและเป็นบุตรของนางวอนอีกต่อหนึ่ง โจทก์ที่ ๒ ได้รับมรดกที่ดินส่วนของนางวันจากนางวันและครอบครองทำกินติดต่อกันมาเกินกว่า ๑๐ ปีแล้ว
เมื่อเดือนมีนาคม ๒๕๑๐ โจทก์ประสงค์จะแบ่งแยกโฉนดเป็นส่วนสัดได้แจ้งให้นายกรานจัดการให้ แต่ปรากฏว่านายกรานนางสาวแหวนได้โอนยกที่ดินส่วนของตนให้จำเลยไปแล้ว โจทก์ไปบอกจำเลยจำเลยก็ไม่ยอมแบ่งและจำเลยได้จดทะเบียนให้นางเครือภริยาเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วมในที่ดินโฉนดดังกล่าวโดยเสน่หา โดยนางเครือทราบอยู่แล้วว่าที่ดินในโฉนดมีส่วนของโจทก์รวมอยู่ด้วย ขอให้ศาลพิพากษาว่าที่ดินโฉนดที่ ๑๕๐๓ ตามแผนที่สังเขปท้ายฟ้องในเส้นสีแดงหมายเลข ๑, ๓ เป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ที่ ๑ ที่ ๒ ตามลำดับให้เพิกถอนการโอนที่ดินในส่วนของโจทก์ ให้จำเลยไปจัดการแบ่งแยกโฉนดให้
นางเครือเข้ามาเป็นจำเลยร่วม
จำเลยและจำเลยร่วมให้การว่า ที่ดินโฉนดที่ ๑๕๐๓ มิใช่เป็นของนายเลอนางมะ แต่เป็นของนางสาวแหวนและนายกรานได้ครอบครองร่วมกันมา มิได้แบ่งแยกการครอบครองเป็นส่วนสัด นางเลอนางมะไม่เคยยกที่ดินดังกล่าวให้แก่บุตร นางสาวแหวนและนายกรานได้ขอออกโฉนดถือกรรมสิทธิ์ร่วมกัน นางวอน นางวันไม่ได้ให้นางสาวแหวนนายกรานไปขอออกโฉนดแทนหลังจากออกโฉนดแล้ว นางวอน นางวันได้มาขออาศัยทำนาในที่ดินดังกล่าวจากนายกราน นางสาวแหวน เมื่อนางวอนนางวันตาย จำเลยได้ให้โจทก์ที่ ๑, ๒ อาศัยทำนาต่อไปโจทก์ไม่มีสิทธิ์ขอให้ศาลเพิกถอนนิติกรรมการโอนกรรมสิทธิ์สิทธิในการเพิกถอนของโจทก์ขาดอายุความ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ที่ดินหมายเลข ๑ และ ๓ ตามแผนที่พิพาทอันเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินโฉนดที่ ๑๕๐๓ เป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ที่ ๑ ที่ ๒ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๘๒ ให้เพิกถอนนิติกรรมการโอนระหว่างนายกรานนางสาวแหวนกับจำเลย เฉพาะส่วนที่เกี่ยวกับที่ดินพิพาท ให้จำเลยแบ่งแยกโฉนดให้โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า นางวอนนางวันนางเกลิ้ด ตลอดจนโจทก์ทั้งสองอาศัยทำนาพิพาท พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า นางเลอนางมะได้ยกที่ดินพิพาทให้กับนางวอน นางวัน นางสาวแหวน นายกราน แล้วต่างก็ได้ครอบครองเป็นส่วนสัดสืบสิทธิติดต่อกันมาจนถึงโจทก์ตราบเท่าถึงฟ้องร้องคดีกันการที่นายกรานและนางสาวแหวนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดดังกล่าวทั้งแปลงซึ่งมีที่ดินส่วนพิพาทอันเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ร่วมอยู่ด้วยยกให้แก่จำเลยและจำเลยก็รู้ความจริงอยู่ว่าที่พิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ แม้จำเลยจะโอนกรรมสิทธิ์ให้จำเลยร่วมซึ่งเป็นภริยาเป็นเจ้าของร่วมด้วย จำเลยและจำเลยร่วมก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินส่วนพิพาท
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น