คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1706/2535

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 1 ในฐานะเป็นนายกเทศมนตรี มีหน้าที่ควบคุมดูแลกิจการของเทศบาลโดยตรงและเป็นหุ้นส่วนประเภทจำกัดความรับผิดของห้างหุ้นส่วนจำกัด ซ. ได้เข้าทำสัญญาซื้อขายกับห้างหุ้นส่วนจำกัด ซ. เมื่อเทศบาลได้ดำเนินการถูกต้องตามระเบียบของทางราชการและราคาที่ตกลงซื้อก็ต่ำกว่าราคาที่เทศบาลตั้งงบประมาณไว้ แสดงว่าจำเลยที่ 1 ได้กระทำไปตามอำนาจหน้าที่ ไม่ได้มุ่งหวังประโยชน์อย่างอื่น ถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 เข้ามีส่วนได้เสียเพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่นเนื่องด้วยการทำสัญญาดังกล่าว จึงไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 152

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นสมาชิกสภาเทศบาล ได้รับแต่งตั้งเป็นนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองมุกดาหาร ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมายมีหน้าที่ควบคุมและรับผิดชอบในการบริหารกิจการของเทศบาลตามกฎหมายเทศบาลเมืองมุกดาหารได้ออกประกาศเรื่องเรียกสอบราคาซื้อที่ดินถมและบดอัดแน่นบริเวณที่จะทำการก่อสร้างสำนักงานเทศบาล ในเนื้อที่ประมาณ 1,723 ตารางเมตร ปรากฏว่า ห้างหุ้นส่วนจำกัดซ. การช่างเจริญชัย โดยจำเลยที่ 2 หุ้นส่วนผู้จัดการ เป็นผู้ยื่นซองสอบราคาได้ โดยจะขายดินพร้อมบดอัดแน่นในเนื้อที่ดังกล่าวในราคา 61,000 บาท จำเลยได้กระทำผิดกฎหมายหลายกรรม กล่าวคือก. จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานได้เรียกและยอมจะรับเงิน61,000 บาท จากห้างหุ้นส่วนจำกัด ซ. การช่างเจริญชัย เพื่อตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ ทั้งนี้ เพื่อกระทำการอนุมัติให้ซื้อที่ดินถมพร้อมบดอัดแน่นจากห้างหุ้นส่วนดังกล่าวแล้วทำสัญญาหรือข้อตกลงซื้อขายกันต่อไป อันเป็นการกระทำในตำแหน่งหน้าที่ในการบริหารกิจการเทศบาลของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นการกระทำที่มิชอบด้วยหน้าที่เนื่องจากจำเลยที่ 1 ในฐานะส่วนตัวเป็นหุ้นส่วนประเภทจำกัดความรับผิดในห้างหุ้นส่วนดังกล่าว มีส่วนได้เสียในกิจการขายดินถมพร้อมบดอัดแน่นให้แก่เทศบาลเมืองมุกดาหารด้วย ข. จำเลยที่ 1ซึ่งเป็นเจ้าพนักงาน และมีส่วนได้เสียตามฟ้องข้อ ก. ได้อนุมัติและทำสัญญาให้เทศบาลเมืองมุกดาหารซึ่งตนมีหน้าที่ดูแลซื้อดินถมพร้อมบดอัดแน่นจากห้างหุ้นส่วนจำกัด ซ. การช่างเจริยชัย ในราคา61,000 บาท ต่อมาจำเลยที่ 1 ได้รับเงินดังกล่าวหลังจากหักภาษีเงินได้ออกแล้ว 610 บาท ไปจากเทศบาลเมืองมุกดาหาร การกระทำผิดดังกล่าวของจำเลยที่ 1 ได้รับการสนับสนุนจากจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ และจำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นหุ้นส่วนประเภทจำกัดความรับผิดในห้างหุ้นส่วนจำกัด ซ.การช่างเจริญชัย โดยจำเลยที่ 2ที่ 3 ซึ่งรู้อยู่แล้วว่าห้างหุ้นส่วนดังกล่าวไม่มีสิทธิโดยชอบที่จะยื่นซองเสนอราคา และทำสัญญาหรือข้อตกลงขายที่ดินพร้อมบดอัดแน่นแก่เทศบาลเมืองมุกดาหารเพราะจำเลยที่ 1 มีส่วนได้เสียในห้างหุ้นส่วนดังกล่าว ได้บังอาจร่วมกันกระทำการยื่นซองเสนอราคาและไม่นำหนังสือรับรองของสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทจังหวัดมุกดาหารของห้างหุ้นส่วนดังกล่าวไปแสดงต่อคณะกรรมการเปิดซองสอบราคา เพื่อปกปิดฐานะของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นหุ้นส่วนประเภทจำกัดความรับผิด อันเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการที่จำเลยที่ 1 ได้กระทำความผิด ค. เทศบาลเมืองมุกดาหารได้ทำสัญญาจ้างห้างหุ้นส่วนจำกัด ฟาซ่า เอ็กซปอร์ต ก่อสร้างอาคารสำนักงานเทศบาล1 หลัง แบบก่อสร้างท้ายสัญญาข้อ 8.7.2 กำหนดให้หน้าต่างใช้กระจกใสหนา เศษ 3 ส่วน 16 นิ้ว ทั้งหมด จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานมีอำนาจหน้าที่ดังกล่าวไว้แล้ว ได้แก้ไขเปลี่ยนแปลงรายละเอียดประกอบแบบก่อสร้าง อันเป็นการปฏิบัติการตามหน้าที่ควบคุมดูแลรับผิดชอบในการบริหารกิจการของเทศบาล โดยจำเลยที่ 1ได้ขีดฆ่าข้อความ ข้อ 8.7.2 ออก และยินยอมให้ผู้รับจ้างนำแผ่นเหล็กบางทาสีมาติดตั้งเป็นบานหน้าต่างแทนบานกระจก จำนวน 23 บานซึ่งทำให้ราคาก่อสร้างหน้าต่างน้อยลง 32,936 บาท และผู้รับจ้างมิได้คืนราคาที่ลดลงแก่เทศบาลเมืองมุกดาหาร การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวไม่ได้เสนอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดอนุมัติ และไม่เป็นความจำเป็นเพื่อประโยชน์ของเทศบาล เป็นการฝ่าฝืนระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการพัสดุของหน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่นพ.ศ. 2522 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2522 อันเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดและปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 86, 91, 149, 152, 157
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 152 กระทงหนึ่ง และมาตรา 157 อีกกระทงหนึ่ง ความผิดตามมาตรา 152 ลงโทษจำคุก 1 ปี ตามมาตรา 157 ลงโทษจำคุก 4 ปีรวมจำคุก 5 ปี จำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86,152 ลงโทษจำคุก 8 เดือน ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 3 ข้อหาอื่นให้ยก จำเลยที่ 1 ที่ 2 อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่าให้ยกฟ้องจำเลยที่ 1 ที่ 2 ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 152 เสียด้วย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นโจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นรับฟังเป็นยุติว่าจำเลยที่ 1 เป็นนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองมุกดาหาร มีหน้าที่ควบคุมและรับผิดชอบในการบริหารกิจการของเทศบาลตามกฎหมาย และเป็นหุ้นส่วนจำกัดความรับผิดของห้างหุ้นส่วนจำกัด ซ.การช่างเจริญชัยซึ่งมีจำเลยที่ 2 เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ เมื่อวันที่ 23 มีนาคม2527 เทศบาลเมืองมุกดาหารได้ประกาศเรียกสอบราคาซื้อดินถมและบดอัดแน่น บริเวณที่จะทำการก่อสร้างสำนักงานเทศบาลเมืองมุกดาหารวันที่ 5 เมษายน 2527 มีผู้ยื่นซองเสนอราคา 3 ราย รวมทั้งห้างหุ้นส่วนจำกัดซ.การช่างเจริญชัย โดยห้างหุ้นส่วนจำกัดซ.การช่างเจริญชัย เสนอราคาเป็นเงิน 65,474 บาท ซึ่งเป็นราคาที่เสนอต่ำสุด คณะกรรมการเปิดซองสอบราคาได้ต่อรอง จำเลยที่ 2ซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการห้างหุ้นส่วนจำกัด ซ.การช่างเจริญชัยยอมลดราคาลงเหลือ 61,000 บาท และเป็นราคาที่ต่ำกว่าราคาที่เจ้าหน้าที่เทศบาลประมาณไว้ 1,000 บาท เทศบาลเมืองมุกดาหารจึงได้ทำสัญญาซื้อขายเมื่อวันที่ 9 เมษายน 2527 โดยจำเลยที่ 1ลงชื่อเป็นผู้ซื้อในนามเทศบาลเมืองมุกดาหาร จำเลยที่ 2 ลงชื่อเป็นผู้ขายในนามห้างหุ้นส่วนจำกัด ซ.การช่างเจริญชัย ต่อมาห้างหุ้นส่วนจำกัด ซ.การช่างเจริญชัย ส่งมอบดินถมและบดอัดแน่นเรียบร้อยแล้ว ห้างหุ้นส่วนจำกัด ซ.การช่างเจริญชัย ได้มอบอำนาจให้จำเลยที่ 1 รับเงินค่าขายดินถมและบดอัดแน่นไปแล้ว คดีมีปัญหามาสู่ศาลฎีกาตามฎีกาของโจทก์เพียงว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามกฎหมายอาญา มาตรา 152 และจำเลยที่ 2 มีความผิดฐานสนับสนุนจำเลยที่ 1 กระทำความผิดดังกล่าวหรือไม่
พิเคราะห์แล้ว ผู้ที่จะมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาอาญา มาตรา 152 จะต้องเป็นเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่จัดการหรือดูแลกิจการใดเข้ามีส่วนได้เสียเพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่นเนื่องด้วยกิจการนั้น ที่โจทก์ฎีกาว่า การที่จำเลยที่ 1ในฐานะเป็นนายกเทศมนตรีมีหน้าที่ควบคุมดูแลกิจการของเทศบาลโดยตรงและเป็นหุ้นส่วนประเภทจำกัดความรับผิดของห้างหุ้นส่วนจำกัดซ.การช่างเจริญชัย ได้เข้าทำสัญญาซื้อขายดินถมกับห้างหุ้นส่วนจำกัด ซ.การช่างเจริญชัย เป็นการเข้ามีส่วนได้เสียเพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่นเนื่องด้วยกิจการดังกล่าวนั้นแล้วเห็นว่า ข้อนี้ข้อเท็จจริงได้ความจากนายวัชระ ตรงสกุล พยานโจทก์ซึ่งเป็นหัวหน้าฝ่ายช่างเทศบาลเมืองมุกดาหารว่า ในการจัดซื้อดินถมพร้อมอัดแน่นจากห้างหุ้นส่วนจำกัด ซ.การช่างเจริญชัยนั้นเทศบาลเมืองมุกดาหารได้ดำเนินการถูกต้องตามระเบียบของทางราชการและราคาที่ตกลงซื้อก็ต่ำกว่าราคาที่เทศบาลเมืองมุกดาหารตั้งงบประมาณไว้ แสดงว่าการจัดซื้อที่ดินดังกล่าวจำเลยที่ 1 ในฐานะนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองมุกดาหารได้กระทำไปตามอำนาจหน้าที่ของตนไม่ได้มุ่งหวังประโยชน์อย่างอื่นนอกจากประโยชน์ของเทศบาลเมืองมุกดาหารเป็นสำคัญ กรณีจึงยังถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 เข้ามีส่วนได้เสียเพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่นเนื่องด้วยการทำสัญญาซื้อขายดังกล่าว จำเลยที่ 1 ไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 152 เมื่อจำเลยที่ 1 ไม่มีความผิด จำเลยที่ 2 ก็ไม่มีความผิดฐานสนับสนุนจำเลยที่ 1 กระทำความผิด”
พิพากษายืน

Share