แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
นิติบุคคลอาคารชุดโจทก์มีผู้จัดการคือบริษัท บ. และมีการแต่งตั้งให้ พ.เป็นผู้ดำเนินการแทนนิติบุคคลในฐานะผู้จัดการพ. ย่อมเป็นผู้จัดการของโจทก์และมีอำนาจหน้าที่เป็นผู้แทนของโจทก์ด้วย พ.ลงชื่อในหนังสือมอบอำนาจให้ฟ้องคดี ในฐานะผู้จัดการของโจทก์เท่ากับโจทก์เป็นผู้มอบอำนาจเอง เช่นเดียวกับหัวหน้าส่วนราชการที่เป็นนิติบุคคลมอบอำนาจให้บุคคลอื่นฟ้องคดีแทนส่วนราชการนั้น
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลอาคารชุดตามพระราชบัญญัติอาคารชุด พ.ศ. 2522 มีบริษัทบิซิเนสอินเตอร์แนชั่นแนล จำกัด โดยนายพงษ์นรินทร์ สัมภวคุปต์ เป็นผู้จัดการ โจทก์มอบอำนาจให้นายสุทธิพงศ์วิสุทธิกุล เป็นผู้ดำเนินคดีแทน จำเลยเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัดและเป็นเจ้าของโครงการอาคารชุด พี.บี. เพนท์เฮาส์ 1 ต่อมาจำเลยดำเนินการจดทะเบียนนิติบุคคลอาคารชุดโจทก์ขึ้นและโอนขายห้องชุดให้แก่ลูกค้า จำเลยเข้าดำเนินงานของโจทก์ตามข้อบังคับของโจทก์ในระยะเริ่มต้น โดยเก็บเงินจากเจ้าของห้องชุดในวันโอนกรรมสิทธิ์ เหลือยอดเงินที่จำเลยจะต้องส่งมอบคืนโจทก์ 708,134.83 บาทจำเลยสร้างโครงการอาคารชุดไม่ตรงตามที่โฆษณา โจทก์แจ้งให้จำเลยดำเนินการแต่จำเลยไม่ดำเนินการ โจทก์จึงดำเนินการเองโดยได้จัดทำสวนรอบอาคาร ปรับปรุงทางเข้าอาคารที่จำเลยสร้างรุกล้ำแนวเขตถนนของกรุงเทพมหานคร ซ่อมสระว่ายน้ำที่ทรุดจัดทำห้องโถงรวมเป็นเงิน 368,400 บาท จำเลยเป็นเจ้าของห้องชุดในโครงการ5 ห้อง แต่ไม่ชำระค่าใช้จ่ายส่วนกลางและเงินกองทุนซึ่งต้องเสียค่าปรับตามมติที่ประชุมใหญ่ของคณะกรรมการเจ้าของร่วมรวมเป็นเงิน 1,552,180.70 บาท จำเลยคงค้างชำระหนี้แก่โจทก์ทุกรายการเป็นเงิน 2,628,715.50 บาท โจทก์ทวงถามแล้วจำเลยไม่ชำระ ขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 2,628,715.50 บาท ให้แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี จากต้นเงิน 1,076,534.83 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าชำระเสร็จ ให้จำเลยชำระค่าใช้จ่ายส่วนกลางของห้องชุดของจำเลยและค่าใช้จ่ายอื่นที่เกิดขึ้นตามข้อบังคับของโจทก์นับถัดจากเดือนมิถุนายน 2538 เป็นต้นไปในระหว่างที่จำเลยยังถือกรรมสิทธิ์ในห้องชุด
จำเลยให้การและแก้ไขคำให้การว่า บริษัทบิซิเนสอินเตอร์แนชั่นแนล จำกัดโดยนายพงษ์นรินทร์ สัมภวคุปต์ ผู้จัดการของโจทก์ต้องดำเนินคดีเอง จะมอบอำนาจให้นายสุทธิพงศ์ วิสุทธิกุล ดำเนินคดีแทนไม่ได้ จำเลยไม่เคยเป็นผู้จัดการของโจทก์จึงไม่ได้รับเงินแทนโจทก์ ไม่ได้จ่ายเงินแทนโจทก์เกินความจริง จำเลยสร้างอาคารมั่นคงแข็งแรง และจัดทำสิ่งต่าง ๆ ตามที่ได้โฆษณาไว้ในแผ่นพับครบถ้วนแล้วความเสียหายเกิดจากโจทก์ไม่ดูแลบำรุงรักษา การที่โจทก์ซ่อมอาคาร โจทก์ต้องรับผิดโจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าปรับ เพราะเป็นการหลีกเลี่ยงกฎหมายห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราโจทก์ไม่เคยทวงถามฟ้องโจทก์เคลือบคลุม จำเลยไม่ต้องชำระเงินให้แก่โจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 2,448,749.03 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงที่คู่ความมิได้โต้เถียงกันในชั้นนี้รับฟังเป็นยุติได้ว่า จำเลยเป็นผู้ดำเนินการก่อสร้างอาคารชุด พี.บี. เพนท์เฮาส์ 1เพื่อขาย มีการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลอาคารชุดโจทก์ตามพระราชบัญญัติอาคารชุดพ.ศ. 2522 มีบริษัทบิซิเนส อินเตอร์แนชั่นแนล จำกัด โดยนายพงษ์นรินทร์ สัมภวคุปต์เป็นผู้จัดการ ในการฟ้องคดีนี้นายสุทธิพงศ์ วิสุทธิกุล เป็นผู้รับมอบอำนาจ โดยนายพงษ์นรินทร์ลงชื่อเป็นผู้มอบอำนาจตามหนังสือมอบอำนาจเอกสารหมาย จ.4
คดีมีปัญหาตามฎีกาของโจทก์เป็นข้อแรกว่า นายสุทธิพงศ์มีอำนาจดำเนินคดีนี้แทนโจทก์หรือไม่ ศาลฎีกาได้พิจารณาปัญหาข้อนี้โดยมติที่ประชุมใหญ่แล้ว เห็นว่า โจทก์มีฐานะเป็นนิติบุคคลตามกฎหมาย การแสดงเจตนาของโจทก์จะทำได้ก็ โดยผู้แทนของโจทก์แสดงเจตนาแทนเท่านั้น ปรากฏว่าโจทก์มีผู้จัดการคือบริษัทบิซิเนสอินเตอร์แนชั่นแนล จำกัด ซึ่งมีฐานะเป็นนิติบุคคลเช่นเดียวกัน จึงมีการแต่งตั้งให้นายพงษ์นรินทร์ เป็นผู้ดำเนินการแทนนิติบุคคลในฐานะผู้จัดการ ดังนี้ นายพงษ์นรินทร์ย่อมเป็นผู้จัดการของโจทก์และมีอำนาจหน้าที่เป็นผู้แทนของโจทก์ด้วยตามพระราชบัญญัติอาคารชุด พ.ศ. 2522 มาตรา 35 วรรคสอง และมาตรา 36(3) การที่นายพงษ์นรินทร์ลงชื่อในหนังสือมอบอำนาจให้ฟ้องคดีนี้ในฐานะผู้จัดการของโจทก์ จึงมีผลเท่ากับโจทก์เป็นผู้มอบอำนาจด้วยตนเอง เช่นเดียวกันกับหัวหน้าส่วนราชการที่เป็นนิติบุคคลมอบอำนาจให้บุคคลอื่นฟ้องคดีแทนส่วนราชการนั้น มีผลเท่ากับส่วนราชการนั้นเป็นผู้มอบอำนาจ กรณีมิใช่เรื่องการปฏิบัติกิจการในหน้าที่ซึ่งต้องกระทำด้วยตนเองตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติอาคารชุดพ.ศ. 2522 มาตรา 36 วรรคสอง คำให้จำเลยที่ตั้งประเด็นต่อสู้ในทำนองว่านายพงษ์นรินทร์ เป็นผู้มอบอำนาจจึงไม่ตรงกับข้อเท็จจริงในคดี เมื่อนายสุทธิพงศ์เป็นผู้รับมอบอำนาจจากโจทก์โดยตรง นายสุทธิพงศ์ย่อมมีอำนาจดำเนินคดีนี้แทนโจทก์ได้ และไม่จำต้องวินิจฉัยว่าการฟ้องคดีเป็นกิจการที่นายพงษ์นรินทร์ต้องกระทำด้วยตนเองหรือไม่ ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่านายพงษ์นรินทร์ไม่อาจมอบอำนาจให้บุคคลอื่นฟ้องคดีนี้เพราะต้องกระทำด้วยตนเองนั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกาฎีกาของโจทก์ข้อนี้ฟังขึ้น”
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น