คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1688/2498

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เดิมโจทก์ผู้เดียวถูกฟ้องฐานวิวาทกับจำเลยในท้องถนนหลวงศาลปรับไปแล้วตามคดีแดงที่ 551/2497
ต่อมาโจทก์มาฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในคดีนั้นฐานบุกรุกทำให้เสื่อมเสียอิสสระภาพและทำร้ายร่างกาย เมื่อฟ้องของโจทก์กล่าวว่าจำเลยเข้าไปฉุดโจทก์ออกมาจากห้องโดยใช้กำลังทำร้ายและฉุดคร่า ฟ้องของโจทก์จึงเป็นฟ้องที่บริบูรณ์ตาม ม.329,254,338(3),268,63 ส่วนกรณีเดิมตามที่คดีแดงที่ 551/2497 นั้นเป็นข้อหาว่าวิวาทต่อสู้กันในถนนหลวง แต่ในกรณีบุกรุกทำร้ายและทำให้เสื่อเสียอิสสระภาพในเคหะสถานนั้นยังหาได้มีการฟ้องร้องและพิจารณาพิพากษาไม่จึงไม่เป็นฟ้องที่ต้องห้าม

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและยื่นคำร้องเพิ่มเติมฟ้องว่าจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ สมคบกันบุกรุกเข้าไปในห้องพักอันเป็นเคหะสถานของโจทก์ และจำเลยสมคบกันใช้อำนาจฉุดค่าโจทก์ที่ ๑ ออกจากห้องพักทำให้โจทก์เสื่อมเสียอิสสระภาพ และจำเลยสมคบกันทำร้ายร่างกายโ่จทก์ทั้ง ๒ จนได้รับบาดเจ็บหลายแห่ง ขอให้ลงโทษตาม ก.ม.อาญา ม.๓๒๙,๒๕๔,๓๓๘(๓),๒๖๘,๖๓
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ววินิจฉัยว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง และฟ้องโจทก์ในข้อหาเสื่อมเสียอิสสระภาพก็ไม่สมบูรณ์ ไม่ชอบที่จะดำเนินการพิจารณาต่อไป พิพากษายกฟ้องโจทก์ และศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาโดยปัญหาข้อ ก.ม.
ศาลฎีกาเห็นว่าเดิมโจทก์ทั้ง ๒ กับจำเลยทั้ง ๔ ถูกจับและถูกสอบสวนฐานวิวาทกับจำเลยในท้องถนนหลวง ศาลปรับคนละ ๓๐ บาทตามคดีอาญาแดงที่ ๕๕๑/๒๔๙๗ และเพราะเหตุนี้ศาลอุทธรณ์จึงเห็นพ้องกับศาลชั้นต้นว่า การบุกรุกและการที่จำเลยดึงโจทก์ออกมาจากห้องมาที่ทางเดินจึงเกิดวิวาทกันดังนี้ เป็นกรรมและวาระเดียวกับวิวาททำร้ายร่างกายกันนั้นเอง เมื่อโจทก์ถูกศาลพิพากษาเสร็จไปแล้ว จึงฟ้องอีกไม่ได้
แต่ฎีกาของโจทก์ยืนยันว่าในตอนที่จำเลยที่ ๑,๒ เข้าไปในห้องโจทก์บังคับโจทก์ให้ออกจากห้องโดยใช้กำลังทำร้ายและฉุดคร่าออกไปนอกห้องนั้น นัยว่าการกระทำของจำเลยต้องด้วย ก.ม.อาญา ม. ๓๒๙,๒๕๔,๓๓๘(๓),๒๖๘,๖๓ ฟ้องของโจทก์บริบูรณ์แล้วควรรับพิจารณา
ศาลฎีกาเห็นว่ากรณีตามคดีแดงที่ + นั้นเป็นข้อหาวิวาทต่อสู้กันในถนนหลวง แต่กรณีบุกรุกและทำให้เสื่อมเสียอิสสระภาพในเคหะสถาน ยังหาได้มีการฟ้องร้องและพิจารณาพิพากษาในความผิดฐานเหล่านี้ไม่ อนึ่งที่ศาลชั้นต้นว่าความผิดฐานเสื่อมเสียอิสสระภาพโจทก์บรรยายฟ้องขาดองค์ความผิดตาม ม.๒๖๘ นั้น เห็นว่าตามที่โจทก์บรรยายข้อความในฟ้องในฐานนี้ต้องด้วยลักษณะความผิดฐานเสื่อมเสียอิสสระภาพแล้ว พิพากษากลับโดยให้ยกคำพิพากษาของศาลทั้งสอง

Share