แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นผู้จัดการบริษัทโจทก์ จำเลยที่ 2 เป็นผู้ช่วยผู้จัดการ มีหน้าที่ปฏิบัติงานเกี่ยวข้องรับผิดชอบร่วมกัน เพื่อจัดการเกี่ยวกับกิจการค้า ทำบัญชีรักษาผลประโยชน์และทรัพย์สินของบริษัทโจทก์ ระหว่างปฏิบัติหน้าที่ได้ทำให้สินค้าบุหรี่ของบริษัทโจทก์ขาดหายไป ทั้งนี้ เป็นด้วยการจงใจหรือประมาทเลินเล่อของจำเลยทั้งสอง ละเลยมิได้จัดการควบคุมดูแลรักษาตามหน้าที่ จำเลยทั้งสองให้การว่า สินค้าบุหรี่ของบริษัทโจทก์มิได้ขาดหาย หรืออาจจะขาดหายไปก่อนจำเลยเข้ารับตำแหน่งหน้าที่ซึ่งจำเลยไม่รับรู้ดังนี้ คำให้การของจำเลยเป็นข้อต่อสู้ในตัวว่าจำเลยทั้งสองมิได้ประมาทเลินเล่อทำให้บุหรี่ของบริษัทโจทก์ขาดหาย
บุหรี่ของบริษัทโจทก์ขาดหายไปเนื่องจากความทุจริตของเจ้าหน้าที่ในบริษัทโจทก์ หากผู้จัดการและผู้ช่วยผู้จัดการบริษัทโจทก์ไม่ปล่อยปละละเลยต่อหน้าที่ ก็ย่อมจะทราบได้ว่าบุหรี่ขาดหายไปจากบัญชี การปล่อยปละละเลยเช่นนี้ถือได้ว่า เป็นการประมาทเลินเล่อทำให้บริษัทโจทก์เสียหาย ผู้จัดการและผู้ช่วยผู้จัดการบริษัทโจทก์ต้องรับผิด
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยซึ่งเป็นผู้จัดการ ผู้ช่วยผู้จัดการและสมุหบัญชีทำให้สินค้าบุหรี่ของโจทก์ขาดหายไป ขอให้ร่วมกันชดใช้ให้โจทก์
จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ให้การว่าฟ้องเคลือบคลุม สินค้าบุหรี่ขาดหายก่อนจำเลยรับหน้าที่ การตรวจสอบยอดบุหรี่ไม่ถูกต้อง คดีเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา เมื่อคดียกฟ้องแล้วต้องถือตามข้อเท็จจริงในคดีอาญา
จำเลยที่ ๓ ที่ ๖ ซึ่งเป็นทายาทของสมุหบัญชีให้การว่า สมุหบัญชีมีความรับผิดจัดทำบัญชีเกี่ยวกับการเงินไม่มีหน้าที่เกี่ยวกับซื้อขายเก็บรักษาบุหรี่
จำเลยที่ ๔ ที่ ๕ ขาดนัดยื่นคำให้การ โจทก์ถอนฟ้องจำเลยทั้งสอง
เดิม ศาลชั้นต้นเห็นว่าฟ้องเคลือบคลุมและต้องถือข้อเท็จจริงที่ปรากฏในคดีอาญา จึงพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ฟ้องไม่เคลือบคลุมคดีอาญายกฟ้องเพราะข้อเท็จจริงฟังลงโทษจำเลยไม่ได้ ไม่ตัดสิทธิโจทก์ฟ้องคดีส่วนแพ่ง พิพากษาให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาและพิพากษาใหม่ ศาลฎีกาพิพากษายืน
ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่ โจทก์ถอนฟ้องจำเลยที่ ๖
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ร่วมกันใช้เงินค่าบุหรี่ให้โจทก์
จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คำฟ้องของโจทก์บรรยายชัดแจ้งว่าจำเลยที่ ๑ เป็นผู้จัดการบริษัทโจทก์ จำเลยที่ ๒ เป็นผู้ช่วย ร้อยเอกเชษฐ ฉิมะวงษ์ ซึ่งถึงแก่กรรมไปแล้วเป็นสมุหบัญชีมีหน้าที่ปฏิบัติงานเกี่ยวข้องรับผิดชอบร่วมกันเพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของบริษัท กล่าวคือ จัดการเกี่ยวกับกิจการค้า ทำบัญชีรักษาผลประโยชน์และทรัพย์สินของบริษัทโจทก์ สำหรับจำเลยที่ ๒ นั้น นอกจากเป็นผู้ช่วยจำเลยที่ ๑ แล้ว ยังมีหน้าที่โดยเฉพาะเป็นผู้อำนวยการจัดการซื้อขายสินค้าบุหรี่ของบริษัทโจทก์ด้วย ระหว่างจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ และร้อยเอกเชษฐปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวนี้ ได้ทำให้สินค้าบุหรี่ของโจทก์ขาดหายไป มีชนิด จำนวน และราคา ตามบัญชีท้ายฟ้องทั้งนี้เป็นด้วยการจงใจหรือประมาทเลินเล่อของจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ และร้อยเอกเชษฐละเลยมิได้จัดการควบคุมดูแลรักษาตามหน้าที่ จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ให้การรับว่าได้เข้ารับตำแหน่งหน้าที่ในบริษัทโจทก์ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๐๐ จริง และมิได้โต้เถียงว่าจำเลย ทั้งสองไม่มีหน้าที่ตามที่โจทก์กล่าวในฟ้อง จึงต้องถือว่าจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ยอมรับว่าจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ มีนห้าที่ในบริษัทโจทก์กล่าวคือ มีหน้าที่ควบคุมดูแลรักษาสินค้าบุหรี่อันเป็นทรัพย์สินของบริษัทโจทก์ และโดยเฉพาะจำเลยที่ ๒ ยังมีหน้าที่อำนวยการจัดการซื้อขายบุหรี่ด้วย ดังศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมาชอบแล้ว ส่วนปัญหาว่าจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ได้จงใจหรือประมาทเลินเล่อ ละเลยต่อหน้าที่ ทำให้สินค้าบุหรี่ของโจทก์ขาดหายไปหรือไม่ ศาลฎีกาพิเคราะห์เห็นว่า คำให้การของจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ต่อสู้อยู่ว่าสินค้าบุหรี่ของโจทก์มิได้ขาดหายไปตามฟ้อง หรืออาจจะขาดหายไปก่อนจำเลยเข้ารับตำแหน่งหน้าที่ซึ่งจำเลยไม่รับรู้ อันเป็นข้อต่อสู้อยู่ในตัวว่าจำเลยทั้งสองมิได้ประมาทเลินเล่อทำให้บุหรี่ของบริษัทโจทก์ขาดหาย
บุหรี่ของบริษัทโจทก์ขาดหายไปเนื่องจากความทุจริตของเจ้าหน้าที่ในบริษัทโจทก์ หากจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ไม่ปล่อยปละละเลยต่อหน้าที่ หมั่นตรวจสอบสต็อกบุหรี่ ก็ย่อมจะทราบได้ว่าบุหรี่ขาดหายไปจากบัญชี การปล่อยปละละเลยต่อหน้าที่เช่นนี้ถือได้ว่า เป็นการประมาทเลินเล่อทำให้บริษัทโจทก์เสียหาย จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ต้องรับผิด
พิพากษายืน