คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1663/2498

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตำรวจไม่ใช่เจ้าพนักงานบังคับคดีตาม ก.ม.(ป.วิ.แพ่ง ม.1(14))
ศาลพิพากษาให้จำเลยชำระข้าวค่าเช่าหรือเงินแก่โจทก์จำเลยไม่ปฏิบัติตามคำบังคับตามคำพิพากษา โจทก์นำเจ้าพนักงานไปยึดทรัพย์(ข้าว) จำเลยแล้ว แต่การยึดขัดข้องเพราะโจทก์ไม่สามารถหาคนรักษา แทนที่โจทก์จะดำเนินการตามวิธีพิจารณาความแพ่ง ม.303(2) เกี่ยวกับเรื่องยึดทรัพย์ โจทก์กลับยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้ตำรวจเป็นผู้รักษาทรัพย์ต่อไป เมื่อตำรวจตอบขัดข้องเพราะกำลังไม่พอประกอบกับมีเหตุพอสันนิษฐานได้ว่าข้าวในนาจำเลยได้เกี่ยวไปหมดแล้วเช่นนี้ คดีของโจทก์ก็ไม่มีทางที่จะสั่งประการใดได้

ย่อยาว

เรื่องเดิมศาลพิพากษาให้จำเลยนำข้าวค่าเช่าที่ค้าง ๖๘๗ ถังหรือเป็นเงิน ๖,๒๐๐ บาท กับดอกเบี้ยไปชำระโจทก์
จำเลยไม่ปฏิบัติตามคำบังคับตามคำพิพากษาโจทก์จึงขอให้ออกหมายบังคับคดียึดทรัพย์จำเลย ศาลชั้นต้นได้ออกหมายบังคับคดีแล้ว ต่อมาโจทก์แถลงว่าได้นำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดทรัพย์จำเลยแล้ว แต่การยึดขัดข้องเพราะไม่สามารถหาคนรักษาทรัพย์
ศาลชั้นต้นสอบถามเจ้าพนักงานบังคับคดี ๆ แถลงว่าไม่ได้ทำการยึดเพราะหาผู้รักษาไม่ได้ และโจทก์ก็ไม่สามารถรักษาและไม่สามารถจัดหาคนรักษาได้ หากศาลช่วยมีหนังสือขอให้เจ้าพนักงานตำรวจช่วยจัดคนรักษาให้ก็อาจเป็นผลสำเร็จ ศาลจึงมีหนังสือถึงเจ้าพนักงานตำรวจท้องที่ ๆ ตอบว่ากำลังตำรวจมีน้อยไม่พอที่จะรักษา
โจทก์จึงยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งให้เจ้าพนักงานตำรวจเป็นผู้รักษาทรัพย์เพื่อโจทก์จะได้เข้ายึดทรัพย์ของจำเลยต่อไป
เจ้าพนักงานกองหมายรายงานว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งว่าไม่สามารถจะจัดหาคนรักษาทรัพย์ได้และว่าโจทก์ยังมิได้นำเจ้าพนักงานกองหมายยึดทรัพย์จำเลย
ศาลชั้นต้นจึงสั่งคำร้องของโจทก์ว่าตำรวจแจ้งว่ากำลังไม่พอ หากจะสั่งซ้ำไปก็ย่อมจะไร้ผลเพราะการรักษาทรัพย์ที่ยึดในคดีแพ่งไม่ใช่หน้าที่โดยตรงของตำรวจ จึงให้ยกคำร้องของโจทก์
โจทก์อุทธรณ์คำสั่งขอให้เจ้าพนักงานตำรวจเป็นผู้รักษาทรัพย์ตาม ป.วิ.แพ่ง ม. ๒๙๖,๒๕๘(๑) และ ม.๒๕ เพื่อโจทก์จะได้เข้ายึดทรัพย์เป็นการบังคับคดีตามสิทธิที่มีอยู่
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาขอให้มีคำสั่งตาม ก.ม.วิธีพิจารณาความแพ่ง ม. ๒๕๔,๒๙๖ ให้เจ้าพนักงานตำรวจสถานีหนองแขมเป็นผู้รักษาทรัพย์ต่อไปให้โจทก์ตามสิทธิของโจทก์จงได้
ศาลฎีกาเห็นว่า ป.วิ.แพ่ง ม.๓๐๓(๒) เกี่ยวกับเรื่องยึดทรัพย์มีบัญญัติไว้ว่า “ให้เจ้าพนักงานบังคับคดีจัดทำโดยมอบไว้ในความอารักขาของลูกหนี้ตามคำพิพากษาโดยความยินยอมของเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา หรือมอบให้ไว้ในอารักขาของบุคคอื่นใด ซึ่งครอบครองทรัพย์สินนั้นอยู่ และแจ้งการยึดให้ลูกหนี้หรือบุคคลเช่นนั้นทราบ ฯลฯ” แต่โจทก์มิได้ฎีกาขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการเกี่ยวแก่เรื่องนี้อย่างใด เจ้าพนักงานตำรวจมิใช่เป็นเจ้าพนักงานบังคับคดีตาม ก.ม.ทั้งตอบขัดข้องในการที่จะรับรักษาทรัพย์ ไม่มีก.ม.ให้อำนาจศาลจะสั่งบังคับให้เป็นผู้รักษาทรัพย์ได้ หลังจากตำรวจตอบขัดข้องโจทก์ก็หาได้ขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการเกี่ยวแก่ทรัพย์รายนี้ต่อไปประการใดอีก และปรากฎในคำร้องของโจทก์ต่อมาว่าจำเลย+ทำการเก็บเกี่ยวข้าวที่ยึดไปบ้างแล้ว และกำลังเกี่ยวต่อไปอีก เวลาล่วงมากว่า ๘ เดือนแล้ว สันนิษฐานได้ว่า ณ บัดนี้ไม่มีข้าวในนาที่ยังไม่ได้เก็บเกี่ยวเหลืออยู่ให้จำต้องมีการรักษาจะตามความประสงค์ของโจทก์อีกแล้ว คดีไม่มีทางที่จะมีคำสั่งให้ตามที่โจทก์ฎีกาขึ้นมา
พิพากษายืน

Share