คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1662/2522

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำขอท้ายฟ้องของโจทก์ที่ขอให้ศาลพิพากษาว่าที่ดินพิพาทซึ่งเป็นที่ดินมืองเปล่าตามแผนที่สังเขปท้ายฟ้องเป็นของ โจทก์นั้น หาได้มุ่งถึงกรรมสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1382 ไม่ และศาลย่อมมีอำนาจพิพากษาว่าโจทก์มีสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้พิพากษาว่าที่พิพาทซึ่งเป็นที่ดินมือเปล่าในเขตเส้นสีแดงตามแผนที่สังเขปท้ายฟ้องเป็นของโจทก์ ขับไล่จำเลยและบริวารออกไป ฯลฯ
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ และขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษาขับไล่จำเลยและบริวารออกจากที่พิพาท ส่วนคำขอของโจทก์ที่ให้แสดงว่าที่ดินเป็นของโจทก์นั้น ปรากฏว่าที่พิพาทเป็นที่ดินมือเปล่า โจทก์ยังไม่มีสิทธิที่จะดำเนินการในชั้นนี้ได้ ให้ยกคำขอนี้
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ศาลสั่งแสดงว่า โจทก์มีสิทธิครอบครองที่พิพาท
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า โจทก์มีสิทธิครอบครองในที่พิพาทภายในเส้นสีแดงตามแผนที่สังเขปท้ายฟ้อง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ที่ขอให้ศาลแสดงว่าที่ดินรายพิพาทในเขตเส้นสีแดงในแผนที่สังเขปท้ายฟ้องเป็นของโจทก์นั้น หาได้มุ่งถึงกรรมสิทธิเหนือที่พิพาทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๘๒ ดังจำเลยฎีกาไม่ คดีนี้เป็นคดีพิพาทกันเกี่ยวสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทระหว่างโจทก์กับจำเลยว่าฝ่ายไหนมีสิทธิดีกว่า เมื่อขายพิจารณาได้ความว่าโจทก์มีสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทดีกว่าจำเลย ศาลก็ย่อมพิพากษาว่าโจทก์มีสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทได้
พิพากษายืน

Share