คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1659/2492

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สัญญาประกันที่ข้อความในเอกสารปรากฎชัด อีกฝ่ายจะขอสืบพะยานบุคคลให้แตกต่างไปกับตัวอักษรไม่ได้
เงินบำเหน็จที่ยึดไว้จากหัวหน้าคนยามซึ่งเป็นคู่สัญญารับเหมาจัดหายาม และรับผิดชอบแต่ผู้เดียว ผู้ว่าจ้างจะอ้างว่าเป็นเงินรางวัลสำหรับคนยามอื่น ๆ ด้วยไม่ได้.

ย่อยาว

ได้ความว่า จำเลยได้ตัวโจทก์เป็นหัวหน้าคนยาม และจัดหายามผู้ช่วย ให้โจทก์รับผิดชอบเพื่อคิดเสียหายแก่ทรัพย์สินของจำเลย โจทก์เรียกเงินที่วางประกันแก่จำเลย ๖๐๐๐ บาทกับเงินบำเหน็จตามสัญญา ซึ่งจำเลยยึดไว้อีก ๕๕๐๘ บาท
ในสัญญาข้อ ค(๒) ที่คู่ความรับกันมีว่า “ฝากเงินบำเหน็จ ๕๕๐๘ บาทที่บริษัทจ่ายในคราวฉลองครบรอบ ๕๐ ปี ไว้กับบริษัทด้วย เงินจำนวนนี้ เมื่อบวดกับเงินที่ฝากอยู่ก่อนแล้ว ๖๐๐๐ บาทจะเป็นเงินทั้งสิ้น ๑๑๕๐๘ บาท ซึ่งจะเป็นเงินประกันและฝากไว้ในบัญชีของหัวหน้าคนยาม ฯลฯ เป็นเงินประกันในการปฏิบัติหน้าที่ไปด้วยดีของหัวหน้าคนยามและผู้ช่วยคนยามอื่น ๆ ”
ศาลแพ่งงดสืบพะยาน พิพากษาว่า จำเลยเป็นคู่สัญญากับโจทก์รับเหมาจัดหาคนยาม ให้จำเลยคืนเงินดังกล่าวพร้อมทั้งดอกเบี้ย
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาว่า ไม่เคยจ้างโจทก์เป็นเหมาและขอสืบพะยานว่าเงิน ๕๕๐๘ บาท มิใช่ของโจทก์แต่ผู้เดียว เป็นของคนยามอื่น ๆ ด้วย
ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อความในเอกสารปรากฎชัดว่า จำเลยได้ทำความตกลงโดยฉะเพาะกับตัวโจทก์ในอันที่จะจ้างเหมาการเฝ้ายาม ให้โจทก์เป็นผู้รับผิดชอบแต่ผู้เดียว จำเลยจะขอสืบพะยานบุคคลให้ผิดแผกแตกต่างกับตัวอักษร ข้อความที่ปรากฎในเอกสารสัญญานั้นหาได้ไม่.

Share