แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ของหายในระหว่างมาพักในโรงแรม เมื่อของหายแล้วผู้มาพักก็แจ้งให้ผู้ดูแลแทนผู้จัดการโรงแรมทราบ ดังนี้ ผู้จัดการต้องรับผิดชอบ
คู่ความรับฟังกันว่าโจทก์มาพักที่โรงแรมจำเลยและของหายจริงการที่โจทก์มาฟ้องระบุวันเกิดเหตุ (วันของหาย) ผิดไปวันหนึ่ง ไม่เป็นเหตุให้ยกฟ้อง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นผู้จัดการโรงแรม วันที่ ๑ กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๘๗ โจทก์มาพักโรงแรมจำเลย รุ่งขึ้นโจทก์ไปธุระนอกโรงแรมใส่กุญแจห้องไว้ เมื่อกลับมาปรากฎว่าของ ๆ โจทก์หายไปราคา ๑๓๓ บาท โจทก์บอกจำเลย จำเลยไม่เอาใจใส่ ขอให้จำเลยใช้ราคาทรัพย์ที่หาย
จำเลยปฏิเสธความรับผิด
ศาลชั้นต้นฟังว่า ของ ๆโจทก์หายไปจริง โจทก์มาพักโรงแรมวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๔๘๗ รุ่งขึ้นไปธุระใส่กุญแจห้องไว้กลับมากุญแจก็เรียบร้อย เมื่อใขเข้าไปปรากฎว่าของหาย โจทก์บอกแก่นายคี่กิ๊ด ผู้แทนจำเลยทันที ของหายวันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๔๘๗ โจทก์ขอแก้ฟ้องศาลไม่อนุญาต แต่เห็นว่า การผิดวันเช่นนี้ไม่ใช่ข้อสำคัญเพราะของโจทก์หายไปจริง การที่ของหายไม่ใช่ความผิดของโจทก์เพราะโจทก์ใส่กุญแจห้อง แม้จำเลยไม่อยู่ขณะนั้นก็อยู่ในความดูแลของเจ้าสำนักโรงแรมซึ่งจำเลยตั้งผู้แทนไว้ โจทก์ไม่มีหน้าที่ต้องมอบทรัพย์แก่จำเลยจำเลยต้องรับผิดตาม ป.ม.กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม.๖๗๔,๖๗๕
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์คงพิพากษาแก้ฉะเพาะราคาทรัพย์ที่หายเป็นราคา ๑๒๓ บาท นอกนั้นยืน
จำเลยฎีกา ๒ ข้อ ๑ .จำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์หรือไม่ ๒. ฟ้องโจทก์ผิดวันกับวันที่ของหายจะต้องยกฟ้องหรือไม่ ในปัญหาข้อ ๑ ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยต้องรับผิด ตาม ป.ม.กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม.๖๗๔,๖๗๕ ในปัญหาข้อ ๒. จำเลยก็ให้การรับแล้วว่า โจทก์มาพักโรงแรมจำเลยจริง ฉะนั้นการที่ฟ้องโจทก์กล่าวถึงวันของหายผิดไปวันหนึ่ง จึงไม่เป็นข้อสำคัญในคดีถึงกับต้องยกฟ้องโจทก์ พิพากษายืน