คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1633/2514

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การประนีประนอมยอมความเป็นสัญญาซึ่งคู่สัญญาทั้งสองฝ่ายระงับข้อพิพาทซึ่งมีอยู่หรือจะมีขึ้นให้เสร็จไปด้วยต่างยอมผ่อนผันให้แก่กัน
ยักยอกทรัพย์อันเป็นความผิดอาญาที่ยอมความกันได้ เมื่อผู้เสียหายร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับจำเลยแล้ว ต่อมาจำเลยส่งเงินมาให้ผู้เสียหายรับไว้ โดยไม่ปรากฏว่าผู้เสียหายกับจำเลยได้ทำความตกลงระงับข้อพิพาทต่อกัน เช่นนี้ย่อมไม่ใช่การประนีประนอมยอมความตามกฎหมาย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นตัวแทนของบริษัทนฤมิตธนาคม จำกัด ได้รับมอบหมายให้มีหน้าที่เก็บเงินค่าณาปนกิจจากสมาชิกแทนบริษัทแล้วส่งมาให้บริษัท เมื่อระหว่างวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๐๘ ถึงวันที่ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๑๐ จำเลยได้รับเงินจากสมาชิก ๑๐๔ ราย รวมเป็นเงิน ๓๗,๓๐๔ บาท แล้วระหว่างวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๐๘ ถึงวันที่ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๑๑ จำเลยบังอาจยักยอกเอาเงินจำนวนดังกล่าวไว้เป็นประโยชน์ส่วนตน เหตุเกิดที่ตำบลตูมใต้ ตำบลพันดอน ตำบลห้วยเกิ้ง ตำบลแซแล ตำบลปะโค และตำบลจำปี อำเภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี ผู้เสียหายร้องทุกข์แล้ว ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๕๒, ๓๕๓ และสั่งให้จำเลยคืนหรือใช้เงินที่ยักยอก
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว เห็นว่าจำเลยยักยอกเงินของผู้เสียหายแต่จำนวนเงินที่ยักยอกเป็นจำนวนเพียง ๒๐,๒๘๙.๘๐ บาท พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๕๓ จำคุก ๒ ปี ให้จำเลยคืนหรือใช้เงินจำนวนที่ยักยอก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยมีความผิดฐานยักยอก แต่จำนวนเงินที่ยักยอกเมื่อหักค่านายหน้าที่จำเลยมีสิทธิจะได้ออกแล้ว เหลือเป็นจำนวนเท่าใดแน่ไม่ได้ความชัดชอบที่จะไปฟ้องในทางแพ่ง เป็นอีกเรื่องหนึ่งต่างหาก พิพากษาแก้ให้ยกคำขอที่ให้จำเลยคืนหรือใช้เงินแก่ผู้เสียหาย นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกาว่า คดีความผิดต่อส่วนตัว เมื่อผู้เสียหายได้ร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับจำเลยแล้ว ต่อมาผู้เสียหายได้รับเงินจากจำเลยแล้วออกใบเสร็จให้ เช่นนี้ เป็นการยอมความกับจำเลย ความรับผิดทางอาญาของจำเลยย่อมระงับไป
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การประนีประนอมยอมความเป็นสัญญาซึ่งคู่สัญญาทั้งสองฝ่ายระงับข้อพิพาทซึ่งมีอยู่หรือจะมีขึ้นให้เสร็จไปด้วยต่างยอมผ่อนผันให้แก่กันสำหรับคดีนี้ไม่ปรากฏว่าผู้เสียหายกับจำเลยได้ทำความตกลงประนีประนอมยอมความระงับข้อพิพาทกันแล้ว ดังนั้น ที่จำเลยส่งเงินมาให้ผู้เสียหาย และผู้เสียหายรับไว้จึงไม่ใช่การประนีประนอมยอมความตามกฎหมาย คดีอาญาที่โจทก์ฟ้องจึงไม่ระงับไป ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น
ศาลฎีกาเห็นว่า คดีมีเอกสารเป็นหลักฐานแสดงว่าผู้เสียหายได้รับเงินจากจำเลยไว้แล้วก่อนผู้เสียหายร้องทุกข์ก็มี เงินบางรายรับแล้วเจ้าหน้าที่บริษัทมิได้ออกใบรับเงินให้จำเลยก็มี นอกจากนั้นจำเลยยังมีสิทธิหักค่านายหน้าจากเงินที่เก็บได้อีกด้วย ดังนั้น จำนวนเงินที่จำเลยยังค้างส่งแก่บริษัทผู้เสียหายยังคงเหลืออีกเป็นจำนวนเท่าใดแน่โจทก์มิได้นำสืบให้ปรากฏชัดแจ้ง แต่พอประมาณได้ว่าคงเหลือเป็นจำนวนน้อยมาก ซึ่งจำเลยอ้างว่าไม่มีเจตนายักยอก แม้จะรับฟังเป็นข้อแก้ตัวไม่ได้ แต่ก็เป็นประโยชน์ในการที่ศาลจะใช้ดุลพินิจกำหนดโทษตามรูปคดี กำหนดโทษที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ลงโทษจำเลยมา ๒ ปี สูงเกินไป
พิพากษาแก้ให้ลงโทษจำคุกจำเลย ๑ ปี นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share