แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เป็นหนังสือสัญญาจ้างทำของ+ตกลงกันไว้ถ้าจะทำการเพิ่มขึ้นจะได้ตกลงกันและทำเป็นหนังสือ ภายหลังคู่สัญญาตกลงให้ทำการเพิ่มขึ้น แต่ไม่ได้ทำหนังสือต่อกันดังนี้ ผู้รับจ้างจะฟ้องเรียกค่าจ้างได้เพียงไรศาลฎีกาให้ฟังพะยานหลักฐานต่อไปก่อน
โจทก์ฟ้องจำเลยและขอว่าคดีอย่างคนอนาถา ศาลไม่อนุญาตและสั่งให้โจทก์นำเงินค่าธรรมเนียมมาเสีย โจทก์ไม่นำเงินมาเสียศาลจึงสั่งจำหน่ายคดี ภายหลังโจทก์ยื่นฟ้องจำเลยใหม่โดยวางค่าธรรมเนียมครบถ้วนดังนี้ไม่เรียกว่าโจทก์นำคดีที่เสร็จเด็ดขาดแล้วมาฟ้องใหม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องเรียกเงินค่าจ้างก่อสร้างตึกที่จำเลยสั่งให้โจทก์ทำเพิ่มเติมจากสัญญาและเรียกราคาค่าไม้ รวม ๔๓๗๘ บาท ๓ สตางค์
จำเลยให้การปฏิเสธว่ามิได้สั่งให้ทำการเพิ่มเติมจากแปลนและรายการ และว่าถ้ามีการเพิ่มเติมการงานส่วนสำคัญก็ต้องมีบันทึกหรือทำสัญญาแสดงจำนวนแรงงานไว้ตามสัญญาข้อ ๖ และตัดฟ้องว่า โจทก์ฟ้องจำเลยครั้งหนึ่งแล้ว ศาลพิพากษาให้จำหน่ายคดี โจทก์จะนำมาฟ้องอีกมิได้
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าเดิมโจทก์ได้ฟ้องจำเลยและขอว่าความอย่างคนอนาถา แต่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ไม่อนุญาต จึงไม่เป็นการตัดสิทธิ์ที่โจทก์จะนำมาฟ้องใหม่เมื่อได้เสียค่าธรรมเนียมแล้ว แต่ตามสัญญาข้อ ๖ มีว่าถ้าจะมีการทำสิ่งใดเพิ่มเติมก็ต้องมีข้อตกลงกันเป็นลายลักษณอักษร ในคดีนี้โจทก์จำเลยไม่มีหนังสือสัญญาต่อกัน โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องจึงสั่งงดสืบพะยานในข้อนี้เสีย คงให้ดำเนินคดีต่อไปฉะเพาะในเรื่องค่าไม้
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าในสัญญาจ้างมิได้ห้ามมิให้มีการเพิ่มงานอีก แลในหนังสือสัญญาก็ไม่มีว่าถ้าไม่มีหนังสือสัญญาแล้วห้ามมิให้ฟ้องร้อง เมื่อคู่กรณีไม่มีสัญญากันเป็นพิเศษก็ต้องเป็นไปตามกฎหมายในเรื่องนั้นๆ กฎหมายเรื่องจ้างทำของไม่มีบังคับว่าต้องทำเป็นหนังสือต่อกัน จึงพิพากษากลับศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นรับพิจารณาพิพากษาต่อไป
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาตัดสินว่า สัญญาข้อ ๖ จะฟังความได้แน่นอนต่อเมื่อมีข้อเท็จจริงอื่นประกอบ คดีมีแง่เงื่อนอยู่มาก จึงควรฟังข้อเท็จจริงให้สิ้นกระแสความเสียก่อน ส่วนข้อตัดฟ้องเห็นว่าการที่ศาลสั่งจำหน่ายคดีนั้นเป็นคำสั่งชั้นอนาถา ข้อค้านฟังไม่ขึ้น พิพากษายื่นตามศาลอุทธรณ์