แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
การร้องขอตั้งผู้แทนเฉพาะคดีของผู้วิกลจริตตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 6 นั้น ต้องเป็นกรณีผู้วิกลจริตยังมีชีวิตอยู่ ฉะนั้นการที่ ต. ผู้วิกลจริตถึงแก่กรรมไปก่อนวันนัดไต่สวนคำร้องของตั้งผู้แทนเฉพาะคดีของโจทก์แล้ว ดังนี้ ไม่อาจตั้งโจทก์เป็นผู้แทนเฉพาะคดีของSต. ได้
ผู้แทนเฉพาะคดีที่ฟ้องแทนผู้เสียหายจะมีอำนาจว่าคดีแทนผู้เสียหายที่ตายลงต่อไปได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 29 นั่น หมายถึงกรณีที่ศาลได้ตั้งผู้แทนเฉพาะคดีของผู้เสียหายไว้ก่อนแล้วที่ผู้เสียหายตาย หาได้หมายรวมถึงกรณีผู้เสียหายได้ตายไปก่อนที่ศาลจะตั้งผู้แทนเฉพาะคดีด้วยไม่.(ที่มา-ส่งเสริม)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของนางตามนภักดี อายุ 98 ปี เป็นผู้วิกลจริตมากว่า 5 ปี ไม่มีผู้อนุบาลจำเลยที่ 2 เป็นน้องสาวร่วมบิดามารดาโจทก์และเป็นภริยาจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 3 เป็นเจ้าพนักงานที่ดิน สำนักงานที่ดินจังหวัด เชียงใหม่ จำเลยทั้งสามเจตนาทุจริตได้ร่วมกันกรอกข้อความโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดของมารดาโจทก์เป็นของจำเลยที่ 2 โดยไม่ได้รับความยินยอมจากมารดาโจทก์ ซึ่งจำเลยที่ 3อาศัยอำนาจเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำเอกสารดังกล่าวปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ รับรองข้อความอันเป็นเท็จ ให้มารดาโจทก์พิมพ์ลายนิ้วมือทำนิติกรรมดังกล่าวมีจำเลยที่ 1 และที่ 2ร่วมเป็นพยานรับรอง และเป็นการร่วมกันปลอมเอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่มารดาโจทก์ ขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157, 161, 162, 264, 265,266, 267, 268, 83, 90, 91 และโจทก์ได้ยื่นคำร้องลงวันเดียวกันขอให้ตั้งโจทก์เป็นผู้แทนเฉพาะคดีของนางตามน ภักดี มารดาโจทก์ ผู้เสียหายที่วิกลจริตและมีอำนาจฟ้องคดีนี้แทนผู้เสียหายต่อไปด้วย
ศาลชั้นต้นตรวจฟ้องแล้วมีคำสั่งว่า โจทก์ใช้สิทธิโดยไม่สุจริตนำคดีที่ได้ฟ้องไว้แล้วเป็นคดีดำที่ 445/2530มาฟ้องอีกเป็นฟ้องซ้อน ต้องห้ามตามกฎหมายให้ยกฟ้องและยกคำร้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นรับคำฟ้องและคำร้องของโจทก์ไว้ดำเนินการต่อไป
ศาลชั้นต้นนันไต่สวนคำร้องในวันที่ 10 พฤษภาคม 2531 จำเลยที่ 2คัดค้านอ้างว่านางตามน ภักดี ถึงแก่กรรมแล้ว
ในวันนัดไต่สวนคำร้อง ศาลชั้นต้นสอบข้อเท็จจริงได้ความว่านางตามน ภักดีถึงแก่กรรมด้วยโรคชราไปเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม2530 แล้ว จึงให้งดการไต่สวนและมีคำสั่งให้ยกคำร้องกับไม่รับคำฟ้องของโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ‘เห็นว่าคดีนี้นางลำดวน ภักดี โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสามในฐานะที่โจทก์เป็นผู่้แทนเฉพาะคดีของนางตามน ภักดี มารดกซึ่งเป็นผู้วิกลจริตไม่มีผู้อนุบาล และโจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลตั้งโจทก์เป็นผู้แทนเฉพาะคดีของนางตามนและมีอำนาจฟ้องคดีนี้แทนนางตามนผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 6 ซึ่งบัญญัติให้ศาลไต่สวนคำร้องของโจทก์เสียก่อนจึงจะตั้งโจทก์เป็นผู้แทนเฉพาะคดีของนางตามนได้ แต่ปรากฏว่าในวันที่ศาลชั้นต้นนัดไต่สวนคำร้องดังกล่าวของโจทก์นั้น นางตามนซึ่งโจทก์อ้างว่าเป็นผู้วิกลจริตได้ถึงแก่กรรมไปก่อนวันนัดไต่สวนแล้ว เมื่อเป็นดังนี้ศาลฎีกาจึงเห็นว่าศาลไม่อาจตั้งโจทก์เป็นผู้แทนเฉพาะคดีของนางตามนได้ เพราะนางตามนไม่ใช่ผู้วิกลจริตดังที่โจทก์กล่าวอ้างต่อไป แต่นางตามนเป็นผู้ตายและศาลไม่อาจมีคำสั่งตั้งโจทก์เป็นผู้แทนเฉพระคดีของบุคคลที่ตายแล้วได้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 29วรรคสอง ที่บัญญัติว่ถ้าผู้เสียหายที่ตายนั้นเป็นผู้วิกลจริตซึ่งผู้แทนเฉพาะคคดีได้ยื่นฟ้องแทนไว้แล้ว ผู้ฟ้องแทนนั้นจะว่าคดีต่อไปก็ได้นั้น หมายถึงกรณีที่ศาลได้ตั้งผู้แทนเฉพาะคดีของผู้เสียหายไว้แล้วก่อนที่ผู้เสียหายตายหาได้หมายความรวมถึงกรณีนี้ซึ่งผู้เสียหายได้ตายไปเสียก่อนที่ศาลจะตั้งผู้แทนเฉพาะคดีไม่……….’
พิพากษายืน.