คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 162/2523

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สุนัขเป็นสัตว์เลี้ยง แต่ก็อาจเป็นสัตว์ที่ดุได้โดยธรรมชาติของสัตว์นั้นเองทั้งนี้ต้องดูพฤติการณ์เป็นเรื่อง ๆ ไป เฉพาะคดีนี้ ข้อเท็จจริงเป็นยุติว่า สุนัขของจำเลยเคยกัดเป็ดของผู้เสียหายมาก่อนแล้วหลายครั้ง และครั้งที่เกิดเหตุนี้สุนัขของจำเลยไปกัดเป็ดของผู้เสียหายตายและบาดเจ็บหลายสิบตัว ถือได้ว่าเป็นสัตว์ดุตามความหมายของประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 377

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยปล่อยปละละเลยสุนัขซึ่งเป็นสัตว์ดุของตน ๗ ตัว ให้เที่ยวไปตามลำพัง และไปกัดเป็ดของนายสำราญตาย ๒๘ ตัว บาดเจ็บ ๒๐ ตัว ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๗๗
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ในข้อกฎหมาย
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๗๗ ลงโทษปรับ ๕๐๐ บาท
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาว่าสุนัขของจำเลยเป็นสัตว์ดุตามความหมายของประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๗๗ หรือไม่ เห็นว่าตามปกตินั้น สุนัขเป็นสัตว์เลี้ยง แต่ก็อาจเป็นสัตว์ที่ดุได้โดยธรรมชาติของสัตว์นั้นเอง หากเป็นสุนัขที่ดุเจ้าของจะต้องควบคุมดูแลเป็นพิเศษกว่าปกติธรรมดา เช่นล่ามโซ่หรือขังกรงไว้ +ปละละเลยก็อาจไปทำอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์เช่นสัตว์เลี้ยงของผู้อื่นได้ ทั้งนี้ต้องดูพฤติการณ์เป็นเรื่อง ๆ ไป เฉพาะคดีนี้ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงเป็นยุติแล้วว่าสุนัขของจำเลยเคยกัดเป็ดของผู้เสียหายมาก่อนแล้วหลายครั้ง และครั้งที่เกิดเหตุนี้สุนัขของจำเลยไปกัดเป็ดของผู้เสียหายตายและบาดเจ็บหลายสิบตัว ถือได้ว่าเป็นสัตว์ดุตามความหมายของประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๗๗ ตามที่โจทก์ฟ้อง ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าสุนัขของจำเลยเป็นสัตว์ดุและพิพากษาลงโทษจำเลย ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย
พิพากษายืน

Share