คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1604/2509

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จำเลยที่ 2,3 เห็นการกระทำการชิงทรัพย์ของจำเลยที่ 1 ที่ใช้ปืนขู่ชิงรถจักรยานและไก่ 10 ตัวของเจ้าทรัพย์ แล้วจำเลยที่ 2,3 ยังรับเอารถจักรยานและไก่ 10 ตัว เอาไปจำหน่ายขายให้แก่ชายแปลกหน้า แล้วนำเงินมาแบ่งระหว่างจำเลยด้วยกัน ดังนี้ การกระทำของจำเลยที่ 2,3 จึงมีความผิดฐานรับของโจร

ย่อยาว

คดีนี้ โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ใช้ปืนสั้นเป็นอาวุธกระทำการชิงทรัพย์เอารถจักรยาน 1 คัน กับไก่ 10 ตัว รวมราคา 485 บาท ของนายใจ วิญญาปา ไปโดยทุจริตส่วนจำเลยที่ 2, 3 ได้บังอาจรับเอาทรัพย์นั้นนำเอาไปขายเอาเงินแบ่งกัน ขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1, ที่ 2, ที่ 3 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339, 357 และ 83 กับให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่เจ้าทรัพย์

จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 โทษลดแล้วคงจำคุก 4 ปี จำเลยที่ 2, 3 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357 ลดโทษแล้วคงจำคุก 2 ปี

จำเลยทั้งสามอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เชื่อว่าจำเลยที่ 1 ทำการชิงทรัพย์ของเจ้าทรัพย์จริงส่วนจำเลยที่ 2, 3 พยานหลักฐานของโจทก์ยังไม่พอชี้ขาดว่าจำเลยได้กระทำผิดดังฟ้อง จึงพิพากษาแก้เป็นให้ยกฟ้องโจทก์เฉพาะจำเลยที่ 2, 3 เสีย และให้จำเลยที่ 1 ผู้เดียวคืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่เจ้าทรัพย์ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาฟังว่าจำเลยที่ 2, 3 เห็นการกระทำการชิงทรัพย์ของจำเลยที่ 1 ชิงรถจักรยานและไก่ 10 ตัวจากเจ้าทรัพย์ แล้วจำเลยที่ 2, 3 ยังรับเอารถจักรยานและไก่ 10 ตัวเอาไปจำหน่ายและขายให้แก่ชายแปลกหน้า แล้วเอาเงินมาแบ่งระหว่างจำเลยด้วยกัน เช่นนี้ การกระทำของจำเลยที่ 2, 3 จึงมีความผิดฐานรับของโจรดังโจทก์ฟ้องพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์โดยให้บังคับคดีเกี่ยวกับจำเลยที่ 2, 3 ไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น นอกจากที่แก้แล้วให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share