คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1604/2508

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์จำเลยต่างขับรถโดยประมาท เป็นเหตุให้รถชนกันและโจทก์ได้รับบาดเจ็บนั้น เมื่อโจทก์เป็นผู้กระทำการโดยประมาท โจทก์จึงมีส่วนในการกระทำผิดทางอาญาด้วย โดยนิตินัยถือไม่ได้ว่าโจทก์เป็นผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา2(4)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยขับรถโดยประมาท เป็นเหตุให้ชนรถโจทก์เสียหายและทำให้โจทก์ได้รับอันตรายแก่กาย

ศาลแขวงไต่สวนมูลฟ้องแล้ว รับฟ้องเฉพาะข้อหาทำให้ผู้อื่นบาดเจ็บโดยประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 390 ส่วนข้อหาที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษฐานทำผิดพระราชบัญญัติจราจรนั้น เห็นว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ไม่รับฟ้อง

จำเลยให้การต่อสู้ว่า ไม่ได้ประมาท โจทก์ได้รับบาดเจ็บจากความประมาทของโจทก์เอง

ศาลแขวงเห็นว่า รถทั้งสองเกิดชนกันขึ้นเพราะโจทก์จำเลยต่างประมาทด้วยกัน เมื่อโจทก์มีส่วนกระทำประมาท ทางนิตินัยไม่ถือว่าเป็นผู้เสียหาย จึงไม่มีอำนาจฟ้อง พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่าโจทก์มีอำนาจฟ้อง

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงตามศาลอุทธรณ์ว่า โจทก์และจำเลยต่างฝ่ายต่างประมาทจนเป็นเหตุให้รถชนกันและโจทก์ได้รับบาดเจ็บ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์เป็นผู้กระทำการโดยประมาท โจทก์จึงมีส่วนในการกระทำความผิดทางอาญาด้วย โดยนิตินัยถือไม่ได้ว่าโจทก์เป็นผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 2(4) ความผิดฐานประมาทของโจทก์จำเลยดังกล่าวนี้ แม้จะถือดังที่โจทก์โต้เถียงว่าจะสมคบร่วมกันกระทำมิได้ก็ดี แต่โจทก์ก็เป็นผู้กระทำโดยประมาทให้รถชนกันเป็นความผิดด้วย มิใช่รถจำเลยขับโดยประมาทชนเอาฝ่ายเดียว และความข้อนี้จำเลยก็ได้ยกขึ้นต่อสู้มาแต่แรกว่าโจทก์เป็นผู้กระทำความผิดกฎหมาย คดีจึงมีประเด็นที่จะวินิจฉัยข้อกล่าวอ้างของโจทก์ว่าคดีไม่มีประเด็นในข้อนี้ฟังไม่ขึ้นพิพากษายืน

Share