แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เมื่อจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ชิงทรัพย์ผู้เสียหายได้แล้ว ได้วิ่งขึ้นสามล้อเครื่องของจำเลยที่ 3 ซึ่งติดเครื่องรออยู่หนีไป จึงเห็นได้ว่าจำเลยทั้งสามได้ร่วมคบคิดวางแผนกันมากระทำผิด โดยจำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นคนขับรถสามล้อเครื่อง มีหน้าที่ติดเครื่องรถไว้ในบริเวณที่เกิดเหตุ คอยรับจำเลยที่ 1 ที่ 2 พาทรัพย์มาขึ้นรถขับพาหนีไปเป็นส่วนหนึ่งของการแย่งชิงทรัพย์ การกระทำของจำเลยทั้งสามจึงเป็นความผิดฐานปล้นทรัพย์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสามร่วมมีกรรไกร ๑ เล่ม เป็นอาวุธพาติดตัวไป กระทำการปล้นทรัพย์ของผู้เสียหาย โดยใช้กำลังกายและกรรไกรเป็นอาวุธประทุษร้ายผู้เสียหายจนได้รับอันตรายแก่กายขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามเพิ่มโทษจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๐, ๘๓, ๙๒, ๙๓
จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ให้การว่า มิได้ร่วมกันปล้นทรัพย์ตามโจทก์ฟ้อง เพียงแต่ร่วมกันชิงทรัพย์โดยจำเลยที่ ๓ มิได้ร่วมกระทำผิดด้วย
จำเลยที่ ๓ ให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่าจำเลยทุกคนมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๐ ให้จำคุกคนละ ๑๒ ปี เพิ่มโทษจำเลยที่ ๑ ให้จำคุก ๑๖ ปี เพิ่มโทษจำเลยที่ ๒ ให้จำคุก ๑๘ ปี ลดโทษให้จำเลยที่ ๑ และจำเลยที่ ๒ ฐานรับสารภาพคงจำคุกจำเลยที่ ๑ ไว้๑๐ ปี ๘ เดือน จำคุกจำเลยที่ ๓ ไว้ ๑๒ ปี
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ร่วมกับพวกอีก๑ คนกระทำความผิดฐานปล้นทรัพย์ จำเลยที่ ๓ ไม่มีความผิดให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ ๓ จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ฎีกาขอให้ลงโทษฐานชิงทรัพย์
ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ชิงเอานาฬิกาข้อมือของผู้เสียหายได้แล้วได้วิ่งไปขึ้นสามล้อเครื่องซึ่งติดเครื่องรออยู่ พอจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ขึ้นรถแล้ว สามล้อเครื่องคันนั้นก็ขับพาหนีไป และเมื่อจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ กระโดดลงจากรถวิ่งหนี คนขับสามล้อเครื่องได้ขับรถหลบหนีไป ดังนี้ เห็นได้ว่าคนขับรถสามล้อเครื่องคันนั้นต้องเป็นพวกเดียวกับจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ซึ่งได้ร่วมคบคิดวางแผนกันมากระทำผิดโดยคนขับสามล้อเครื่องมีหน้าที่ติดเครื่องรถไว้ในบริเวณที่เกิดเหตุคอยรับจำเลยที่ ๑ ที่ ๒พาทรัพย์มาขึ้นรถขับพาหนีไปเป็นส่วนหนึ่งของการแย่งชิงทรัพย์และคนขับสามล้อเครื่องนั้นคือจำเลยที่ ๓ การชิงทรัพย์ของจำเลยทั้งสามจึงเป็นความผิดฐานปล้นทรัพย์
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ลงโทษจำเลยที่ ๓ ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ยกฎีกาจำเลยที่ ๑ ที่ ๒