คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 16/2515

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้ภายหลังการกระทำผิด ข้อ 14 ในส่วนที่เกี่ยวกับประมวลกฎหมายอาญามาตรา 340 วรรค 4 ได้แก้ไขใหม่ให้ผู้กระทำผิดต้องระวางโทษจำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่สิบห้าปีถึงยี่สิบปี ซึ่งมีระวางโทษเบากว่าระวางโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 340 วรรค 4 เดิม ซึ่งมีระวางโทษจำคุกตลอดชีวิตหรือจำคุกยี่สิบปี ในการลงโทษจำเลยสำหรับความผิดตามวรรคนี้จึงต้องปรับบทลงโทษจำเลยตาม มาตรา 340 วรรค 4 ที่แก้ไขใหม่ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 3ซึ่งบัญญัติให้ใช้กฎหมายในส่วนที่เป็นคุณแก่ผู้กระทำผิด

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกับพวกที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้องอีก ๔ คน รวมกันปล้นทรัพย์รวมเป็นราคาทั้งสิ้น ๑๒,๙๗๐ บาทไป โดยจำเลยกับพวกใช้ปืนยิงหลายนัดใช้ผ้าขาวม้าผูกแขนเจ้าทรัพย์ทั้งสองติดกัน เป็นการขู่ขวัญและใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อเป็นความสะดวกในการปล้นทรัพย์ พาเอาทรัพย์ไป เพื่อให้ยื่นให้ซึ่งทรัพย์และเพื่อให้พ้นจากการจับกุมขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๔๐, ๘๓ ริบปลอกกระสุนปืนของกลาง ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืน ๙,๓๗๐ บาทแก่เจ้าทรัพย์
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วเชื่อว่าจำเลยทำผิดตามฟ้อง พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๐, ๘๓ จำคุก ๒๐ ปี ริบปลอกกระสุนปืนของกลาง ให้จำเลยใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืน ๙,๓๗๐ บาทแก่เจ้าทรัพย์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้ว เห็นว่าพยานหลักฐานโจทก์น่าระแวงสงสัยพิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเชื่อว่าจำเลยเป็นคนร้ายคนหนึ่งที่ร่วมกับพวกปล้นทรัพย์เจ้าทุกข์รายนี้แต่ในการปรับบทลงโทษ เห็นว่า ขณะนี้ได้มีประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๑๑ซึ่งมีผลใช้บังคับเป็นกฎหมายตั้งแต่วันที่ ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๑๔ ตามประกาศข้อ ๑๔ให้ยกเลิกความในมาตรา ๓๔๐ และมาตรา ๓๔๐ ทวิ แห่งประมวลกฎหมายอาญาและให้ใช้ความในมาตรา ๓๔๐ ใหม่ มาตรา ๓๔๐ วรรค ๔ ที่แก้ไขใหม่ บัญญัติโทษฐานปล้นทรัพย์โดยใช้ปืนยิงไว้ ให้มีระวางโทษจำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่สิบห้าปีถึงยี่สิบปี ซึ่งมีระวางโทษเบากว่าระวางโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๔๐ วรรค ๔ เดิม ซึ่งกำหนดโทษฐานปล้นทรัพย์โดยใช้ปืนยิงไว้มีระวางโทษจำคุกตลอดชีวิตหรือจำคุกยี่สิบปี ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ ๑๑ ข้อ ๑๔มาตรา ๓๔๐ วรรค ๔ ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้ในภายหลังการกระทำความผิด จึงเป็นกฎหมายที่มีระวางโทษเบากว่าประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๐ วรรค ๔ เดิมที่ใช้ในขณะกระทำผิด กรณีเช่นนี้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓ บัญญัติไว้ว่าให้ใช้กฎหมายในส่วนที่เป็นคุณแก่ผู้กระทำความผิดไม่ว่าในทางใด จึงต้องปรับบทลงโทษจำเลยตามมาตรา ๓๔๐ วรรค ๔ ที่แก้ไขใหม่ แต่เห็นว่ากำหนดโทษที่ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยมาให้จำคุก ๒๐ ปีนั้น เหมาะสมแก่กรณีแห่งความผิดแล้ว
พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นว่า จำเลยมีความผิดฐานปล้นทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๐ วรรค ๔ ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ ๑๑ ข้อ ๑๔ มาตรา ๓๔๐ วรรค ๔ ส่วนการกำหนดโทษการสั่งเรื่องของกลางและการคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น

Share