คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1592/2519

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่คนงานของโจทก์ต้องหยุดงานอื่นที่ต้องทำตามปกติ ไปทำการซ่อมแซมเสาไฟฟ้าและอุปกรณ์ไฟฟ้าของโจทก์ ซึ่งเสียหายเนื่องจากการกระทำละเมิดของจำเลยนั้น เมื่อไม่ได้ความว่าโจทก์ต้องจ่ายค่าแรงงานแก่คนงานที่ไปทำงานเพิ่มขึ้นนอกเหนือจากการปฏิบัติงานตามปกติ และโจทก์นำสืบไม่ได้ว่าเมื่อคนงานของโจทก์ต้องหยุดงานอื่นที่ต้องทำงานตามปกติ โจทก์เสียหายไปเพียงใด คงได้ความเพียงว่าโจทก์จ่ายเงินค่าจ้างประจำให้เท่านั้นเอง จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดเกี่ยวกับค่าแรงดังกล่าว
รายการครุภัณฑ์ยานพาหนะของโจทก์ที่ใช้สำหรับทุ่นแรง หัว ยก และลำเลียงเสา ตลอดจนรถวิทยุบริการติดต่อกับศูนย์สั่งการ ที่จะทำการตัดไฟตามจำนวนที่ต้องการค่ารถชนหินทรายเพื่อนำไปหล่อฐานเสาคอนกรีตที่เสียหายและเก็บหินทรายไปทิ้งให้เรียบร้อยเป็นรายการค่าเสียหายเนื่องมาจากการกระทำละเมิดโดยตรง หาใช่เป็นความเสียหายที่ไกลกว่าเหตุไม่ จำเลยจะต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายในรายการเหล่านี้ต่อโจทก์ด้วย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์เสาไฟฟ้าตามรายทางถนนเพชรเกษม นายสั่งลูกจ้างของจำเลยที่ ๑ ได้ขับรถยนต์บรรทุก น.ฐ.๐๒๐๕๙ ไปในทางการที่จ้างของจำเลยที่ ๑ ด้วยความประมาท เป็นเหตุให้พุ่งเข้าชนท้ายรถบรรทุก น.ฐ. ๐๔๒๑๔ กระเด็นขึ้นไปบนทางเท้าชนเสาไฟฟ้าคอนกรีตของโจทก์เสียหาย คิดเป็นเงิน ๒๑,๙๙๙.๗๕ บาท จำเลยที่ ๑ ซึ่งเป็นนายจ้าง และจำเลยที่ ๒ ผู้รับประกันภัยรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน น.ฐ.๐๒๐๕๙ จึงต้องร่วมกับรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองรวมกันชดใช้เงิน ๒๑,๙๙๙.๗๙ บาทแก่โจทก์ พร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ให้การว่า โจทก์มิใช่เจ้าของเสาไฟฟ้าและอุปกรณ์ไฟฟ้าไม่มีอำนาจฟ้อง นายสั่งมิใช่ลูกจ้างและมิได้ปฏิบัติหน้าที่ในทางการที่จ้างให้แก่จำเลยที่ ๑ นายสั่งมิได้ขับรถประมาท แต่เหตุเกิดจากความประมาทของคนขับรถคันหมายเลขทะเบียน ๐๔๒๑๔ ค่าเสียหายที่โจทก์เรียกร้องอย่างมากไม่เกิน ๓,๐๐๐ บาท ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยที่ ๑ ใช้ค่าเสียหายรวมเป็นเงิน ๑๐,๒๘๙.๑๘ บาทให้แก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อไปนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ ถ้าจำเลยที่ ๑ ไม่ชำระให้จำเลยที่ ๒ ชำระแทน
โจทก์และจำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วพิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ ๑ ใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์สำหรับรายการที่ ๒ และรายที่ ๔ ถึง ๑๐ รวมเป็นเงิน ๕,๗๓๙.๑๘ บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์และจำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลพิจารณาแล้ววินิจฉัยในปัญหาที่โจทก์ฎีกาว่า การที่โจทก์จ้างคนงานก็เพื่อทำงานให้เป็นประโยชน์แก่การไฟฟ้านครหลวงโจทก์ เมื่อคนงานของโจทก์ต้องหยุดงานอื่นที่ต้องทำตามปกติ ไปทำการซ่อมแซมเสาไฟฟ้าและอุปกรณ์ไฟฟ้าซึ่งเสียหายเนื่องจากการกระทำละเมิดของจำเลย จึงเห็นได้ว่าโจทก์ต้องเสียหายขาดประโยชน์จากแรงงานของคนงานซึ่งโจทก์จ้างไว้ทำงานตามปกติของโจทก์นั้นว่า การที่คนงานไปทำงานซ่อมเสาไฟฟ้าและอุปกรณ์การไฟฟ้าเป็นคนงานประจำในหน่วยงานโจทก์จ่ายค่าจ้างประจำวันให้คนงานตามปกติ ซึ่งไม่ได้ความว่าโจทก์ต้องจ่ายค่าแรงงานแก่คนงานที่ไปทำงานเพิ่มขึ้นนอกเหนือจากการปฏิบัติงานตามปกติ และโจทก์นำสืบไม่ได้ว่าเมื่อคนงานของโจทก์ต้องหยุดงานอื่นที่ต้องทำงานตามปกติไปทำงานซ่อมดังกล่าวนั้น โจทก์เสียหายไปเพียงใด คงได้ความเพียงว่าโจทก์จ่ายเงินค่าจ้างประจำให้เท่านั้นเอง ฉะนั้น จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดเกี่ยวกับค่าแรงดังกล่าวและวินิจฉัยปัญหาที่จำเลยทั้งสองฎีกาว่า ค่าเสียหายตามเอกสาร จ.๔ รายการที่ ๘,๙,๑๐ มิใช่ความเสียหายที่เกิดขึ้นอย่างแท้จริง โจทก์คิดค่าคำนวณขึ้นเองเป็นค่าเสียหายที่ไกลกว่าเหตุ จำเลยไม่ต้องรับผิดนั้นว่า โดยเฉพาะรายการที่ ๘-๙ เป็นรายการครุภัณฑ์ยานพาหนะของโจทก์ที่ใช้สำหรับทุ่นแรง หิ้ว ยก และลำเลียงเสา ตลอดจนรถวิทยุบริการติดต่อกับศูนย์สั่งการ ที่จะทำการตัดไฟตามจำนวนที่ต้องการค่ารถขนหินทรายเพื่อนำไปหล่อฐานเสาคอนกรีตที่เสียหายและเก็บหินทรายไปทิ้งให้เรียบร้อย เห็นว่าเนื่องจากการกระทำละเมิดของลูกจ้างจำเลยที่ ๑ และก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ จึงจำเป็นต้องจัดการซ่อมและเปลี่ยนเสาไฟฟ้าคอนกรีตโดยใช้แรงงาน วัสดุ อุปกรณ์ต่าง ๆ ดังกล่าวเพื่อให้งานสำเร็จลุล่วงไปโดยรวดเร็ว ถ้าการซ่อมและเปลี่ยนแปลงไปอย่างล่าช้าก็จะก่อให้เกิดความเสียหายมากขึ้น ฉะนั้น จึงอาศัยเครื่องทุ่นแรงตามรายการ ๘,๙ ตลอดจนวิทยุบริการติดต่อกับศูนย์สั่งการตามรายการที่ ๑๐ รายครุภัณฑ์สิ่งของดังกล่าวโจทก์มีอยู่และนำมาใช้ ย่อมเป็นการบรรเทาความเสียหายเป็นผลดีแก่จำเลยมากแล้ว เพราะถ้าไม่มีโจทก์ต้องไปเช่าเครื่องจักรทุ่นแรกจากที่อื่นมาทำย่อมจะเสียหายมากกว่านี้ แม้รายการดังกล่าวจะประมาณไว้ล่วงหน้า แต่ก็ไม่ได้ความว่าขาดหลักเกณฑ์หรือผิดพลาดมาก่อน จึงน่าเชื่อว่าเสียหายจริงตามนั้น รายการค่าเสียหายดังกล่าวเกิดจากผลแห่งการกระทำละเมิดโดยตรง หาใช่เป็นความเสียหายที่ไกลกว่าเหตุไม่ จำเลยจะต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายในรายการเหล่านี้ต่อโจทก์ด้วย
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสองรวมกันชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ รวมเป็นเงิน ๑๑,๐๘๙.๑๘ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ย

Share