คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 159/2520

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

รถคันที่เกิดเหตุเป็นรถสำหรับใช้ในราชการของกองสำรวจกรมชลประทาน มิใช่รถประจำตำแหน่งหัวหน้ากองสำรวจแต่ผู้เดียววันเกิดเหตุตอนเช้า ส. ลูกจ้างกรมชลประทานจำเลยได้ขับรถคันดังกล่าวไปส่งหัวหน้ากองสำรวจที่ปากเกร็ด แล้วจอดรออยู่พอตกบ่าย ส. ได้ขับรถคันดังกล่าวจากกองสำรวจปากเกร็ดจะมาที่กรมชลประทาน มีผู้ตายกับพวกซึ่งเป็นพนักงานกองสำรวจโดยสารมาในรถด้วย ส. ขับรถประมาทเป็นเหตุให้รถพลิกคว่ำผู้ตายถึงแก่ความตายดังนี้ เมื่อได้ความว่าในเวลาปฏิบัติราชการหัวหน้ากองได้มอบกุญแจให้อยู่ในความครอบครองของ ส. ตลอดเวลาการที่ ส. ขับรถคันดังกล่าวออกมาจะโดยเป็นความประสงค์ของ ส. เอง หรือของพนักงานกรมชลประทานคนใดก็ตาม ส. ก็ไม่ต้องขออนุญาตจากหัวหน้ากองย่อมถือได้โดยปริยายว่า กรมชลประทานจำเลยได้อนุญาตให้ ส. กระทำเช่นนั้นได้ ทั้งเหตุละเมิดที่เกิดขึ้นก็ปรากฏว่าได้เกิดในระหว่าง ส. ปฏิบัติงานให้นายจ้าง การกระทำของ ส. เป็นการกระทำในทางการที่จ้างของจำเลยจำเลยในฐานะนายจ้างต้องรับผิดต่อโจทก์ซึ่งเป็นบิดาผู้ตาย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า นายสอาด เอี่ยมสอาด เป็นพนักงานประเภทลูกจ้างมีหน้าที่ขับรถยนต์ของจำเลย ประจำกองสำรวจ อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2516 เวลาประมาณ 15 นาฬิกา นายสอาดปฏิบัติหน้าที่ในฐานะลูกจ้างได้ขับรถยนต์ของจำเลยบรรทุกข้าราชการสังกัดจำเลยมาในหน้าที่ราชการตามถนนสายนนทบุรี – สนามบินน้ำ นายสอาดขับรถยนต์ด้วยความประมาท โดยใช้ความเร็วสูงเกินกว่า 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เมื่อขับมาถึงทางโค้งไม่ชะลอความเร็วจึงเลี้ยวตามโค้งไม่ทันเป็นเหตุให้รถที่นายสอาดขับไปชนหลักเขตทางโค้งหัก 4 หลัก แล้วรถได้พลิกคว่ำทำให้นางสาวกนกพรรณ มะลูลีม บุตรโจทก์ซึ่งนั่งมาในรถถูกรถยนต์ของจำเลยทับถึงแก่ความตายทันที นายสอาดหลบหนี จำเลยในฐานะที่เป็นนายจ้างต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 272,000 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ย

จำเลยให้การว่า โจทก์มิใช่บิดาโดยชอบด้วยกฎหมายของนางสาวกนกพรรณจึงไม่มีอำนาจฟ้อง ในวันเกิดเหตุ นายสอาดและนางสาวกนกพรรณ ได้ร่วมกันลักรถยนต์คันดังกล่าวของจำเลยออกไปนอกบริเวณที่ทำการชลประทานปากเกร็ด เพื่อประโยชน์ส่วนตัวแล้วไปเกิดเหตุนอกทางการที่จ้างของจำเลย ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม ค่าปลงศพ ค่าขาดไร้อุปการสูงเกินไป ค่าจ้างคนไว้ในครอบครัวโจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้อง ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม โจทก์มีอำนาจฟ้อง พิพากษาให้จำเลยใช้ค่าปลงศพ 20,000 บาท ค่าขาดไร้อุปการะ 30,000 บาทค่าขาดแรงงาน 10,000 บาท รวมเป็นค่าเสียหาย 60,000 บาท

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำเลยใช้ค่าสินไหมทดแทน 50,000 บาท

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยฎีกาของจำเลยในปัญหาที่ว่านายสอาดปฏิบัติหน้าที่ในทางการที่จ้างของจำเลยหรือไม่ว่า รถคันที่เกิดเหตุเป็นรถแลนด์โรเวอร์สำหรับใช้ในราชการของกองสำรวจ กรมชลประทาน วันเกิดเหตุเวลาตอนเช้า นายสอาดได้ขับรถคันที่เกิดเหตุไปส่งนายจรูญนายช่างพิเศษของกองสำรวจที่ปากเกร็ด เสร็จแล้วได้จอดรถรออยู่ พอตกตอนบ่ายนายสอาดได้ขับรถคันดังกล่าวจากกองสำรวจปากเกร็ดมาที่กรมชลประทาน มีนางสาวกนกพรรณผู้ตายโดยสารมาในรถด้วย นายสอาดขับโดยประมาท เป็นเหตุให้รถที่ขับพลิกคว่ำ ทำให้นางสาวกนกพรรณถึงแก่ความตายศาลฎีกาเชื่อว่ารถคันที่เกิดเหตุเป็นรถสำหรับใช้ในราชการทั่วไปของกองสำรวจหาใช่เป็นรถประจำตำแหน่งของหัวหน้ากองสำรวจแต่ผู้เดียวไม่ ในเวลาปฏิบัติราชการนายจรูญได้มอบกุญแจให้อยู่ในความครอบครองของนายสอาดตลอดเวลา อันแสดงว่าได้ให้ความไว้วางใจในการปฏิบัติราชการของนายสอาด ฉะนั้น การที่นายสอาดขับรถคันที่เกิดเหตุออกมาแม้จะปรากฏว่าเป็นความประสงค์ของนายสอาดเอง หรือเป็นความประสงค์ของพนักงานกรมชลประทานคนใดก็ตามก็น่าเชื่อว่านายสอาดไม่ต้องขออนุญาตจากนายจรูญ หากมีข้อบังคับในการใช้รถโดยเคร่งครัด นายสอาดคงจะไม่สามารถนำรถออกมาได้ง่าย ๆ เช่นในกรณีนี้ ตามพฤติการณ์แห่งคดีย่อมถือได้โดยปริยายว่ากรมชลประทานได้อนุญาตให้กระทำเช่นนั้นได้ ทั้งเหตุละเมิดที่เกิดขึ้นก็ปรากฎว่าได้เกิดในระหว่างปฏิบัติงานให้นายจ้าง จึงฟังได้ว่าการกระทำของนายสอาดเป็นการกระทำในทางการที่จ้างของจำเลยจำเลยต้องรับผิด

พิพากษายืน

Share