คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1569/2534

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานเห็นคนร้ายลักเงินจากตู้บริการเงินด่วนของผู้เสียหายสาขาราษฎร์บูรณะ คงมีเพียงพ. เบิกความว่าเห็นจำเลยลักเงินจากตู้บริการเงินด่วนของผู้เสียหายสาขาสะพานขาว และพนักงานสอบสวนเบิกความว่านอกจากจำเลยจะให้การรับสารภาพว่าลักเงินผู้เสียหายสาขาสะพานขาวแล้ว จำเลยยังรับสารภาพว่าลักเงินผู้เสียหายสาขาราษฎร์บูรณะโดยมีบันทึกคำให้การชั้นสอบสวนบันทึกการชี้เกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพพร้อมภาพถ่ายพยานบุคคลและพยานเอกสารดังกล่าวเป็นพยานบอกเล่ามีน้ำหนักน้อย ต้องมีพยานอื่นมาฟังประกอบจึงจะลงโทษจำเลยได้ พยานโจทก์นอกจากนี้ก็ล้วนเป็นพยานปลายเหตุ ไม่ทำให้ คดีโจทก์มีน้ำหนักมั่นคงให้รับฟังได้ว่าจำเลยลักเงินของ ผู้เสียหายสาขาราษฎร์บูรณะ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 334, 91 ให้จำเลยคืนเงิน 1,700 บาท แก่ผู้เสียหายและให้นับโทษต่อจำเลยให้การปฏิเสธ แต่รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334 เรียงกระทงลงโทษ จำคุกกระทงละ 6 เดือน รวม 3 กระทง เป็นจำคุก 1 ปี6 เดือน ให้จำเลยคืนเงิน 1,700 บาท แก่ผู้เสียหาย แต่ที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อจากคดีอื่นของศาลต่าง ๆ นั้น โจทก์มิได้แถลงว่าผลคดีในแต่ละคดีเป็นอย่างไรจึงให้ยกคำขอ จำเลยอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์ โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าเงินสดในตู้บริการเงินด่วนของผู้เสียหาย สาขาราษฎร์บูรณะถูกคนร้ายลักเอาไปตามฟ้อง คดีมีปัญหาตามฎีกาโจทก์ว่าจำเลยเป็นคนร้ายรายนี้หรือไม่ โจทก์มีนายพิพัฒน์ เตชมณี พนักงานของผู้เสียหายเป็นประจักษ์พยานเบิกความว่า เห็นจำเลยลักเอาเงินสดจากตู้บริการเงินด่วนของผู้เสียหาย สาขาสะพานขาว แต่คนร้ายที่ลักเอาเงินสดจากตู้บริการเงินด่วนของผู้เสียหายสาขาราษฎร์บูรณะ ทั้งสามครั้งตามฟ้อง โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานรู้เห็น คงมีพันตำรวจโทนรินทร์ โภควนิช พนักงานสอบสวนเบิกความว่า เมื่อจำเลยถูกจับกุมตอนถูกกล่าวหาว่าลักเงินสดจากตู้บริการเงินด่วนของผู้เสียหาย สาขาสะพานขาวนั้นชั้นสอบสวน นอกจากจำเลยจะให้การรับสารภาพว่าเป็นคนร้ายครั้งดังกล่าวนี้แล้ว จำเลยยังรับสารภาพว่าเป็นคนร้ายลักเอาเงินสดทั้งสามครั้งตามฟ้องไปด้วย ซึ่งนายพิพัฒน์พยานโจทก์เบิกความสนับสนุนว่าจำเลยให้การรับสารภาพดังที่พันตำรวจโทนรินทร์เบิกความ โดยโจทก์มีบันทึกคำให้การของจำเลยชั้นสอบสวนบันทึกการชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพพร้อมภาพถ่ายอ้างส่งศาลเป็นพยานสนับสนุน เห็นว่า ทั้งพยานบุคคลและพยานเอกสารดังกล่าวล้วนเป็นพยานบอกเล่า มีน้ำหนักน้อย ลำพังแต่พยานดังกล่าวนี้ทั้งหมดยังไม่เพียงพอให้รับฟังได้ว่าจำเลยกระทำความผิดตามฟ้อง หากยังต้องมีพยานอื่นมาฟังประกอบจึงจะฟังลงโทษจำเลยตามฟ้องได้ แต่พยานโจทก์นอกจากที่กล่าวแล้วที่จะมาฟังประกอบก็ล้วนเป็นพยานปลายเหตุไม่ทำให้คดีโจทก์มีน้ำหนักดีขึ้นได้เลย ส่วนที่จำเลยถูกกล่าวหาว่าลักเงินสดจากตู้บริการเงินด่วนของผู้เสียหาย สาขาสะพานขาว นั้นไม่อาจนำมารับฟังประกอบกับพยานหลักฐานในคดีนี้ให้มีน้ำหนักเพียงพอที่จะลงโทษจำเลยได้ ดังนี้ พยานหลักฐานโจทก์ยังไม่มั่นคงให้รับฟังได้ว่าจำเลยเป็นคนร้ายลักเอาเงินของผู้เสียหายไปดังที่โจทก์ฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ชอบแล้วฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share