คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 15658/2555

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฟ้องโจทก์ได้บรรยายแล้วว่า ยาที่จำเลยกับพวกร่วมกันผลิตเป็นยาปลอมโดยใช้วัตถุเทียมในการผลิตยา และเป็นยาที่แสดงชื่อหรือเครื่องหมายของผู้ผลิตและสถานที่ตั้งของผู้ผลิตไม่ตรงความจริง ส่วนตัวยาที่แท้จริงเป็นอย่างไร และวัตถุเทียมในการผลิตยาคือวัตถุอะไรเป็นรายละเอียดที่โจทก์สามารถนำสืบได้ในชั้นพิจารณา แม้ตอนต้นของฟ้องโจทก์จะบรรยายว่า การกระทำของจำเลยในความผิดฐานปลอมยา แต่ตอนท้ายบรรยายว่า เป็นยาที่มิได้ขึ้นทะเบียนตำรับยาต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ก็ไม่ขัดแย้งกันเพราะยาปลอมก็คือยาที่มิได้ขึ้นทะเบียนตำรับยาต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ และความผิดฐานผลิตยาปลอม ฐานผลิตยาโดยไม่ขึ้นทะเบียนตำรับยา ฐานผลิตเพื่อขายเครื่องสำอางปลอม และฐานผลิตเพื่อขายซึ่งเครื่องสำอางควบคุมพิเศษโดยไม่แสดงฉลากให้ถูกต้องครบถ้วนหรือแสดงฉลากที่แจ้งแหล่งผลิตอันเป็นเท็จนั้น ไม่มีองค์ประกอบความผิดว่าทำให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลหนึ่งบุคคลใด เมื่อจำเลยผลิตและมีไว้เพื่อขายยาปลอมและยาที่มิได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา และผลิตเพื่อขายหรือมีไว้เพื่อขายเครื่องสำอางย่อมเป็นความผิดตามกฎหมายแล้ว คำฟ้องโจทก์จึงชอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 158 (5) แล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยา พ.ศ.2510 มาตรา 4, 12, 72, 73, 101, 117, 122, 126 พระราชบัญญัติเครื่องสำอาง พ.ศ.2535 มาตรา 4, 5, 30, 33, 34, 36, 56, 59, 63 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 83, 91 ริบของกลางตามบัญชีของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยา พ.ศ.2510 มาตรา 72 (1) (4) วรรคหนึ่ง, 117 วรรคหนึ่ง, 122 พระราชบัญญัติเครื่องสำอาง พ.ศ.2535 มาตรา 30, 56 วรรคหนึ่ง, 33 (2), 36, 59 วรรคหนึ่ง (ที่ถูกต้องปรับบท มาตรา 34 (3), 59 วรรคสอง ด้วย) ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานร่วมกันผลิตยาปลอมและฐานร่วมกันผลิตยาโดยไม่ขึ้นทะเบียนตำรับยาเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานผลิตยาปลอม ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 3 ปี ฐานร่วมกันผลิตเพื่อขายครีมอันเป็นเครื่องสำอางปลอม จำคุก 6 เดือน ฐานร่วมกันผลิตเพื่อขายซึ่งเครื่องสำอางควบคุมพิเศษโดยไม่แสดงฉลากให้ถูกต้องครบถ้วน แสดงฉลากที่แจ้งแหล่งผลิตอันเป็นเท็จ จำคุก 2 เดือน รวมจำคุก 3 ปี 8 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 1 ปี 10 เดือน พิเคราะห์รายงานการสืบเสาะและพินิจแล้ว เห็นว่า จำเลยได้ผลิตยาและเครื่องสำอางไปจำหน่ายโดยไม่ได้ขอใบอนุญาตและใบจดทะเบียนการค้าสินค้าเครื่องสำอาง การกระทำของจำเลยเป็นการแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัว โดยไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนและความเสียหายของผู้อื่น อีกทั้งยังผลิตเครื่องสำอางปลอมที่มีสารปรอท แอมโมเนีย ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพร่างกายของประชาชนซึ่งซื้อเครื่องสำอางจากจำเลยไปใช้ นับว่าเป็นเรื่องร้ายแรง จึงไม่รอการลงโทษให้ ริบของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งลงชื่อในคำพิพากษาศาลอุทธรณ์อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยประการแรกว่า ฟ้องโจทก์ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เห็นว่า ฟ้องโจทก์ข้อ ก. ได้บรรยายแล้วว่ายาที่จำเลยกับพวกร่วมกันผลิตเป็นยาปลอมโดยใช้วัตถุเทียมในการผลิตยา และเป็นยาที่แสดงชื่อหรือเครื่องหมายของผู้ผลิตและสถานที่ตั้งของผู้ผลิตไม่ตรงความจริง ส่วนตัวยาที่แท้จริงเป็นอย่างไร และวัตถุเทียมในการผลิตยาคือวัตถุอะไรเป็นรายละเอียดที่โจทก์สามารถนำสืบได้ในชั้นพิจารณา แม้ตอนต้นของฟ้องโจทก์ข้อ ก. จะบรรยายว่าการกระทำของจำเลยในความผิดฐานปลอมยา แต่ตอนท้ายบรรยายว่าเป็นยาที่มิได้ขึ้นทะเบียนตำรับยาต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ก็ไม่ขัดแย้งกันเพราะยาปลอมก็คือเป็นยาที่มิได้ขึ้นทะเบียนตำรับยาต่อพนักงานเจ้าหน้าที่นั่นเอง ส่วนที่โจทก์มีคำขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยา พ.ศ.2510 มาตรา 12, 101 ซึ่งเป็นความผิดฐานผลิต ขาย หรือนำหรือสั่งเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับใบอนุญาตนั้น ก็เป็นคำขอนอกเหนือจากคำฟ้องซึ่งศาลไม่อาจลงโทษจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 ไม่ใช่เป็นกรณีที่โจทก์ยอมรับว่าจำเลยกระทำการผลิตยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ฟ้องโจทก์จึงไม่ขัดแย้งกับการกระทำความผิดฐานปลอมยา สำหรับฟ้องโจทก์ข้อ ข. นั้น โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยผลิตเพื่อขายและมีไว้เพื่อขายครีมว่านสมุนไพร 108 ซึ่งเป็นเครื่องสำอาง มิได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยผลิตเพื่อขายและมีไว้เพื่อขายยาปลอมตามข้อ ก. ซึ่งเป็นเครื่องสำอางดังที่จำเลยฎีกา นอกจากนี้ความผิดตามคำฟ้องข้อ ก. และ ข้อ ข. ก็ไม่มีองค์ประกอบความผิดว่าทำให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลหนึ่งบุคคลใด ดังนี้ เมื่อจำเลยผลิตและมีไว้เพื่อจำหน่ายยาปลอมและยาที่มิได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา และผลิตเพื่อขายหรือมีไว้เพื่อขายเครื่องสำอางย่อมเป็นความผิดตามกฎหมายแล้ว ทั้งโจทก์ก็ได้บรรยายฟ้องแล้วว่าอุปกรณ์การผลิตปรากฏตามบัญชีของกลางเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 1 คำฟ้องของโจทก์จึงชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 (5) แล้ว ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยประการต่อไปว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามฟ้องหรือไม่ โดยจำเลยอ้างว่าจำเลยได้ส่งเอกสารรายงานผลการทดสอบเครื่องสำอางฉบับลงวันที่ 18 สิงหาคม 2548 เป็นพยานหลักฐานในสำนวนแล้ว เท่ากับว่าเป็นการว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น และพยานหลักฐานดังกล่าวแสดงว่าจำเลยไม่ได้กระทำความผิดหรือเป็นเหตุบรรเทาโทษ ถือว่าเป็นปัญหาที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยนั้นเห็นว่า เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2552 จำเลยยื่นบัญชีพยานพร้อมแนบสำเนารายงานผลการทดสอบซึ่งเป็นพยานเอกสารตามที่ระบุในบัญชีพยานท้ายบัญชีพยานดังกล่าว ต่อมาวันที่23 กุมภาพันธ์ 2553 ซึ่งเป็นวันนัดสืบพยานโจทก์ จำเลยขอถอนคำให้การเดิมและให้การใหม่เป็นรับสารภาพ ดังนี้ สำเนารายงานผลการทดสอบจึงเป็นสำเนาเอกสารที่จำเลยยื่นต่อศาลตามที่กฎหมายกำหนดเท่านั้น เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพโดยไม่ได้นำสืบข้อเท็จจริงตามสำเนาเอกสารดังกล่าวต่อศาล จึงถือว่าข้อเท็จจริงตามรายงานผลการทดสอบเป็นข้อที่จำเลยไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น แม้ปัญหาว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดหรือไม่จะเป็นปัญหาที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยก็ตาม แต่ในการจะวินิจฉัยว่าจำเลยไม่ได้กระทำความผิดตามฟ้องดังที่จำเลยกล่าวอ้างนั้น ต้องวินิจฉัยจากสำเนาผลการทดสอบที่จำเลยอ้าง จึงเป็นปัญหาข้อเท็จจริง มิใช่ปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ดังนี้ เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพ ข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้ตามฟ้อง จำเลยจึงมีความผิดตามฟ้อง ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยประการสุดท้ายว่า มีเหตุที่จะลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยหรือไม่ เห็นว่า ความผิดฐานร่วมกันผลิตยาปลอม ศาลล่างทั้งสองลงโทษจำคุกจำเลยในอัตราโทษขั้นต่ำตามที่กฎหมายกำหนดแล้ว ศาลฎีกาไม่อาจลงโทษต่ำกว่านี้ได้ ส่วนความผิดฐานร่วมกันผลิตเพื่อขายครีมอันเป็นเครื่องสำอางปลอม และฐานร่วมกันผลิตเพื่อขายซึ่งเครื่องสำอางควบคุมพิเศษโดยไม่แสดงฉลากให้ถูกต้องครบถ้วนแสดงฉลากที่แจ้งแหล่งผลิตอันเป็นเท็จนั้น ศาลล่างทั้งสองลงโทษจำคุกเหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งคดีแล้ว ไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะเปลี่ยนแปลงแก้ไข ทั้งการกระทำของจำเลยเป็นการแสวงหาประโยชน์ของตนโดยมิชอบด้วยกฎหมาย และยังเป็นเหตุให้ยาปลอม เครื่องสำอางปลอมและเครื่องสำอางควบคุมพิเศษดังกล่าวแพร่ออกสู่ประชาชนโดยปราศจากการควบคุมของรัฐ นับเป็นอันตรายต่อประชาชนผู้ที่ใช้ยาและเครื่องสำอางเป็นอย่างยิ่ง ประกอบกับเครื่องสำอางปลอมของกลางมีจำนวนมากถึง 6,921 กล่อง พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรง แม้จำเลยไม่เคยกระทำความผิดมาก่อนหรือมีภาระในการเลี้ยงดูครอบครัวและกิจการของจำเลยก็ยังไม่เป็นเหตุเพียงพอที่จะรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลย ที่ศาลอุทธรณ์ไม่รอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้นเช่นกัน
พิพากษายืน

Share