คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1561/2521

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

สัญญากำหนดให้ปรับ เมื่อผู้รับจ้างก่อสร้างไม่เสร็จตามกำหนดเวลาผู้ว่าจ้างปรับตามสัญญาได้โดยไม่ต้องพิสูจน์ความเสียหายส่วนค่าควบคุมงานซึ่งผู้รับจ้างสัญญาจะชดใช้ให้เป็นค่าเสียหาย ผู้ว่าจ้างมิได้นำสืบว่าได้เสียหายในข้อนี้อย่างไร ศาลไม่กำหนดให้ผู้ว่าจ้างหักค่าจ้างไว้ได้เท่าที่เป็นเบี้ยปรับเงินค่าควบคุมงานต้องคืนแก่ผู้รับจ้าง

ย่อยาว

จำเลยจ้างโจทก์สร้างที่ทำการไปรษณีย์และบ้านพัก โจทก์สร้างเสร็จช้ากว่ากำหนด ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องที่โจทก์เรียกค่าจ้างที่ค้าง ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 43,150 บาทแก่โจทก์กับดอกเบี้ย โจทก์จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ปัญหาที่ว่าโจทก์จะต้องเสียค่าปรับให้จำเลยเพียงใดนั้น ปรากฏว่าโจทก์กับจำเลยได้ตกลงกันไว้ในสัญญาหมาย ล.1,ล.2 ข้อที่ 5(ก) ว่าถ้าโจทก์ก่อสร้างล่วงเลยกำหนดเวลา โจทก์ยอมให้จำเลยปรับเป็นรายวันวันละ 300 บาท และข้อที่ 4(ข) ตอนท้ายว่าโจทก์จะต้องจ่ายค่าควบคุมงานให้จำเลยและจำเลยต้องจ้างผู้ควบคุมงานนั้นอีกต่อหนึ่งนับแต่วันที่ล่วงเลยกำหนดเวลาแล้วเสร็จตามสัญญาจนถึงวันโจทก์ส่งมอบงานเป็นรายวันวันละ 50 บาท อีกส่วนหนึ่งต่างหากจากค่าปรับด้วย โดยจำเลยมีอำนาจที่จะยึดและหักเงินค่าจ้างไว้เป็นค่าทดแทนได้ จึงฟังได้ว่าเงิน 350 บาทต่อวันที่จำเลยหักเอาไว้คือเงินค่าปรับวันละ 300 บาทจำนวนหนึ่ง และเงินค่าจ้างผู้ควบคุมงานวันละ 50 บาทอีกจำนวนหนึ่ง ศาลฎีกาพิเคราะห์เห็นว่าเงินค่าปรับตามสัญญาข้อ 5(ก) หาใช่เป็นการตกลงให้ปรับเมื่อมีความเสียหายเกิดขึ้นซึ่งโจทก์จำเลยได้ตกลงกันไว้เป็นอีกประการหนึ่งในข้อ 5(ข) ไม่ หากแต่เป็นข้อตกลงที่โจทก์ยอมให้ปรับ หากโจทก์ก่อสร้างไม่แล้วเสร็จตามกำหนดเวลาที่กำหนดไว้ในสัญญาเมื่อโจทก์ผิดสัญญาในข้อนี้ โจทก์มีหน้าที่ต้องเสียค่าปรับให้จำเลยโดยไม่จำต้องนำสืบถึงความเสียหายใด ๆ เลย เกี่ยวกับจำนวนเบี้ยปรับที่สัญญากันไว้เมื่อพิเคราะห์ขนาดของงานที่จ้างตามราคาและระยะเวลาที่ปรากฏในสัญญาหมาย ล.1, ล.2 แล้ว เห็นว่าเป็นจำนวนที่พอสมควร ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ค่าปรับคดีนี้คือค่าเสียหาย จำเลยมิได้นำสืบให้เห็นว่าจำเลยเสียหายเป็นจำนวนเท่าใดและจำนวนเบี้ยปรับที่กำหนดไว้สูงเกินส่วน ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย เกี่ยวกับค่าควบคุมงานซึ่งเป็นเงินที่โจทก์สัญญาจะชดใช้ให้จำเลยเนื่องจากจำเลยต้องจ้างผู้ควบคุมงานในระหว่างที่โจทก์ทำงานล่าช้าอันนับเป็นค่าเสียหายประการหนึ่งเท่านั้น เห็นว่าจำเลยมีสิทธิเรียกให้โจทก์ชำระหรือหักเอาเงินค่าจ้างของโจทก์ได้ก็ต่อเมื่อได้ความว่าจำเลยได้จ้างผู้ควบคุมงานในระยะเวลาดังกล่าว และได้จ่ายหรือจะต้องจ่ายเงินจำนวนนี้แก่ผู้ควบคุมงานนั้น แต่จำเลยมิได้นำสืบให้เห็นว่าจำเลยได้รับความเสียหายในข้อนี้แต่ประการใด โจทก์จึงไม่มีหน้าที่จะต้องจ่ายเงินจำนวนนี้ให้จำเลย

พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นว่าให้จำเลยคืนเงินค่าจ้างของโจทก์ที่จำเลยหักไว้เป็นค่าจ้างผู้ควบคุมงานวันละ 50 บาท รวม 229 วันเป็นเงิน 11,450 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนถึงวันชำระเสร็จแก่โจทก์ ค่าทนายความชั้นฎีกาให้เป็นพับ”

Share