คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1559/2506

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยซึ่งเป็นทหารประจำการ ฟ้องโจทก์ซึ่งเป็นราษฎรต่อศาลพลเรือน หาว่าบุกรุก ฯลฯ โจทก์จึงกลับฟ้องจำเลยต่อศาลพลเรือนนั้นบ้าง หาว่าฟ้องเท็จและเบิกความเท็จตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 175,177 ดังนี้ คดีที่โจทก์ฟ้องหาใช่คดีที่เกี่ยวพันกับคดีที่อยู่ในอำนาจศาลพลเรือนตามพระธรรมนูญศาลทหารมาตรา 14(2) ไม่เป็นแต่คดีที่เกิดขึ้นจากคดีของศาลพลเรือนเท่านั้น โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยยังศาลพลเรือน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยรับราชการทหาร จำเลยได้ฟ้องโจทก์ต่อศาลจังหวัดนครสวรรค์หาว่าโจทก์ทำความผิดอาญาฐานบุกรุกยักย้ายทำลายเครื่องหมายเขต และทำให้เสียทรัพย์ อันเป็นความเท็จ และจำเลยได้เบิกความเท็จในคดีดังกล่าว ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๗๕,๑๗๗,๙๐,๙๑
ศาลชั้นต้นสั่งว่า ปรากฎว่าจำเลยเป็นทหารประจำการ และขณะนี้เป็นเวลาไม่ปกติ อาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร พ.ศ.๒๔๙๘ มาตรา ๑๖,๔๙ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง จึงให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาว่า ฟ้องโจทก์เกี่ยวกับคดีอาญา ซึ่งจำเลยได้ฟ้องโจทก์ที่ศาลจังหวัดนครสวรรค์โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยยังศาลจังหวัดนครสวรรค์ตามพระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหารมาตรา ๑๔ (๒)
ศาลฎีกาเห็นว่า พระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร มาตรา ๑๔ บัญญัติถึงคดีที่ไม่อยู่ในอำนาจศาลทหาร อันเป็นบทยกเว้น ที่จะต้องวินิจฉัยเกี่ยวกับคดีนี้มีเฉพาะแต่ที่บัญญัติไว้ในอนุมาตรา ๒ ที่บัญญัติว่า “คดีที่เกี่ยวพันกับคดีที่อยู่ในอำนาจศาลพลเรือน” ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ฟ้องโจทก์ไม่ใช่คดีที่เกี่ยวพันกับคดีอาญาที่โจทก์ถูกจำเลยฟ้องฐานบุกรุก ฯลฯ ที่ศาลจังหวัดนครสวรรค์ เป็นแต่คดีที่เกิดขึ้นจากคดีของศาลจังหวัดนครสวรรค์เท่านั้น โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยยังศาลพลเรือน คือ ศาลจังหวัดนครสวรรค์ได้ ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น ศาลฎีกาพิพากษายืน ให้ยกฎีกาโจทก์

Share