คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1553/2504

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ทำสัญญาเช่าที่ดินกัน 3 ปี ท้ายสัญญาระบุว่า “3 ปีแล้วทำสัญญาต่อ” นั้น ข้อความนี้แม้จะถือเอาว่าเป็นคำมั่นอันจะพึงบังคับกันได้ ก็แต่เพียงเรียกร้องให้ผู้ให้เช่าทำสัญญาเช่าใหม่เมื่อสัญญาเช่าเดิมสิ้นอายุแล้วเท่านั้น เมื่อครบกำหนดการเช่า 3 ปี ผู้เช่ายังคงอยู่ในที่เช่าและชำระค่าเช่าตลอดมาตามกฎหมาย ก็เท่ากับเป็นการเช่ากับโดยไม่มีกำหนดเวลา คำมั่นที่มีอยู่จึงระงับไปในตัว ผู้ให้เช่าบอกเลิกการเช่าได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเช่าที่ดินของโจทก์ ๓ ปี ครบกำหนดการเช่าแล้ว โจทก์ให้จำเลยรื้อถอนออกไปจากที่เช่า จำเลยเพิกเฉยและค้างชำระค่าเช่า ขอให้ขับไล่
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นเห็นว่าการเช่าต่อมาเป็นการเช่าโดยไม่มีกำหนด โจทก์บอกเลิกสัญญาเช่าแล้ว จำเลยย่อมไม่มีสิทธิอยู่ในที่เช่าต่อไป พิพากษาให้ขับไล่จำเลย
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อความที่บันทึกไว้ท้ายสัญญาเช่าในคดีนี้ว่า “๓ ปี แล้วทำสัญญาต่อ” นั้น ศาลฎีกายังไม่เห็นจำเป็นจะต้องวินิจฉัยในคดีนี้ว่าใช้ได้เพียงไรหรือไม่ เพราะแม้จะถือเอาว่าเป็นคำมั่นอันจะพึงบังคับกันได้ ก็จะได้แต่เพียงเรียกร้องให้โจทก์ทำสัญญาเช่ากับจำเลยใหม่ในเมื่อสัญญาเดิมสิ้นอายุแล้วเท่านั้น แต่จำเลยหาได้ใช้สิทธิเรียกร้องเอาจากโจทก์เช่นว่าไม่ กลับถือปฏิบัติต่อกันเป็นประการอื่น คือ จำเลยคงอยู่ในที่เช่าและชำระค่าเช่าให้แก่โจทก์หลังจากสัญญาเช่าสิ้นอายุแล้วตลอดมา โดยมิได้ทำสัญญาใหม่ ซึ่งตามกฎหมายถึงได้เสียแล้วว่าโจทก์จำเลยได้ทำสัญญาใหม่ต่อจากสัญญาเดิม โดยไม่มีกำหนดเวลาเช่าดังที่ศาลอุทธรณ์กล่าวนั้น คำมั่นที่มีอยู่จึงระงับไปในตัว และจำเลยจะยกขึ้นมาต่อสู้คดีกับโจทก์ในบัดนี้อย่างใดๆ ไม่ได้เสียแล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share