คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1552/2506

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์กู้เงินจำเลย แต่จำเลยเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา จึงเลี่ยงทำเป็นสัญญาขายฝากที่ดินโดยจำเลยผู้ซื้อฝากจะไม่เอาที่ดินหลุดเป็นสิทธินั้น เมื่อทั้งสองฝ่ายไม่มีเจตนาจะผูกพันกันตามสัญญาขายฝาก นิติกรรมขายฝากย่อมตกเป็นโมฆะ (แต่เข้าแบบเป็นนิติกรรมกู้เงิน ซึ่งโจทก์ให้ที่ดินจำเลยยึดถือไว้เป็นประกัน จึงบังคับกันได้)
คดีแพ่งนั้น โจทก์ไม่จำต้องอ้างบทกฎหมายอย่างคดีอาญา เพียงแต่โจทก์บรรยายข้อเท็จจริงและคำขอมาก็พอแล้ว เป็นหน้าที่ของศาลจะต้องยกบทกฎหมายขึ้นปรับแก่ข้อเท็จจริงนั้น ๆ เอง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ตกลงจำนองที่ดินไว้กับจำเลย แต่จำเลยให้โจทก์ทำเป็นสัญญาขายฝากเป็นเงิน ๑๑๕,๗๕๐ บาท มีกำหนด ๑ ปี โจทก์ได้เสียดอกเบี้ยและชำระค่าป่าถลุงให้จำเลย โดยตกลงกันว่า เมื่อครบกำหนด ๑ ปีแล้ว โจทก์ยังไม่ไถ่ถอนคืน จำเลยจะไม่เอาที่ดินหลุดเป็นสิทธิ ต่อมาจำเลยได้นำที่ดินพิพาทไปขายให้แก่บุคคลอื่น เป็นเงิน ๒๗๐,๐๐๐ บาท จึงขอให้ศาลพิพากษาบังคับให้จำเลยรับเงินไถ่ถอนและคืนที่ดิน มิฉะนั้น ก็ให้ชดใช้ราคาที่ดินให้โจทก์
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นเห็นว่า โจทก์ขายฝากที่ดินพิพาทให้จำเลย เมื่อโจทก์ไม่ไถ่คืนภายในกำหนด ๑ ปี ตามสัญญา ย่อมหมดสิทธิที่จะเรียกร้องที่ดินคืน พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับว่า ที่โจทก์ขายฝากไว้กับจำเลยที่ ๑ นั้นเป็นนิติกรรมอำพรางการจำนอง จึงให้จำเลยรับเงินไถ่ถอนที่ดินพิพาทจากโจทก์ ๑๑๕,๗๕๐ บาท และโอนที่พิพาทให้โจทก์ถ้าโอนไม่ได้ ก็ให้จำเลยใช้ราคาที่ดิน ๑๕๔,๒๕๐ บาท ให้โจทก์รวมทั้งดอกเบี้ย
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยได้รับดอกเบี้ยจากโจทก์ ฟังได้ว่าก่อนที่จะทำสัญญาขายฝากก็ดี ขณะทำสัญญาขายฝากก็ดี หรือภายหลังที่ทำสัญญาแล้วก็ดี โจทก์และจำเลยที่ ๑ มิได้ตั้งใจจะผูกพันกันตามสัญญาขายฝาก เป็นเรื่องที่จำเลยที่ ๑ ต้องการดอกเบี้ยเท่านั้น แต่ดอกเบี้ยเกินอัตราในกฎหมาย จึงเลี่ยงทำเป็นขายฝาก โดยจำเลยที่ ๑ สัญญาจะไม่เอาที่ดินหลุดเป็นสิทธิดังที่โจทก์นำสืบมา
ที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์ไม่สามารถจะชนะคดีได้ เพราะไม่ปรากฎในฟ้องเลยว่า โจทก์ขอให้บังคับจำเลยตามนิติกรรมอะไรนั้น เห็นว่า ในคดีแพ่ง โจทก์ไม่จำเป็นต้องอ้างบทกฎหมายอย่างคดีอาญา เพียงแต่โจทก์บรรยายข้อเท็จจริงและคำขอมาก็พอแล้ว เป็นหน้าที่ของศาลจะต้องยกบทกฎหมายขึ้นปรับแก้ข้อเท็จจริงนั้น ๆ เรื่องนี้ ฟ้องของโจทก์ได้บรรยายข้อเท็จจริงตามที่โจทก์นำสืบมาดังกล่าวข้างต้น อ่านแล้วได้ความว่า โจทก์และจำเลยที่ ๑ ไม่ได้มุ่งหมายจะผูกพันกันตามสัญญาขายฝาก เพราะยอมให้ไถ่เมื่อเกินกำหนดระยะเวลาในสัญญา โจทก์จึงฟ้องขอไถ่ตามที่ตกลงกันไว้ ถ้าไถ่ไม่ได้ก็ให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย นับว่าเป็นฟ้องที่สมบูรณ์แล้ว คำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ที่วินิจฉัยว่า สัญญาขายฝากเป็นโมฆะ แต่เข้าแบบเป็นนิติกรรมกู้เงินและให้ที่ดินแก่จำเลยที่ ๑ ยึดถือไว้เป็นประกัน จึงไม่เป็นการนอกฟ้องนอกประเด็นเกินคำขอ
พิพากษายืน ให้ยกฎีกาจำเลย

Share