คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 154/2520

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 1 เป็นพนักงานขับรถยนต์ของโจทก์ จำเลยที่ 2เป็นผู้ค้ำประกันความเสียหายที่จำเลยที่ 1 ก่อขึ้นกับโจทก์ จำเลยที่ 1 ก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์โดยทำให้สินค้าสูญหายและไม่ส่งคืนเครื่องมือประจำรถบรรทุกซึ่งเป็นการละเมิดต่อโจทก์ โจทก์ได้รู้ถึงการละเมิดเกินกว่า 1 ปีแล้ว เมื่อโจทก์มิได้ใช้สิทธิฟ้องเรียกร้องค่าเสียหายภายใน 1 ปี นับแต่วันที่โจทก์รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนคดีโจทก์จึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 วรรคต้น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างโจทก์มีหน้าที่ขับรถยนต์ โดยจำเลยที่ 2 ทำสัญญาค้ำประกันว่าหากจำเลยที่ 1 ทำให้โจทก์เสียหายด้วยประการใด ๆ และทำนิติกรรมใด ๆ เนื่องในการชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์แล้ว จำเลยที่ 2 จะชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์แทนไม่เกินวงเงิน 5,000 บาท ต่อมาจำเลยที่ 1 ทำความเสียหายและก่อหนี้ผูกพันที่จะต้องชำระให้โจทก์ โจทก์ทวงถามแล้วแต่จำเลยเพิกเฉย ขอให้ศาลบังคับให้จำเลยที่ 1 ชำระ หากจำเลยที่ 1 ไม่ชำระให้จำเลยที่ 2 ชำระแทน

จำเลยที่ 1 ไม่ยื่นคำให้การ โจทก์ไม่ได้ขอให้ศาลสั่งว่าจำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การ ศาลชั้นต้นจึงสั่งจำหน่ายคดีเฉพาะตัวจำเลยที่ 1

จำเลยที่ 2 ให้การว่า หนี้เกี่ยวกับสินค้าสูญหายและหนี้เกี่ยวกับไม่ส่งคืนเครื่องมือประจำรถบรรทุกเป็นมูลหนี้อันเกิดจากการละเมิด จำเลยที่ 1 ออกจากงานเกินกว่า 1 ปีแล้ว คดีโจทก์ขาดอายุความรวมทั้งหนี้ยืมเงินทดรอง จำเลยที่ 2 ในฐานะผู้ค้ำประกันจึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า หนี้เกี่ยวกับสินค้าสูญหายและหนี้เกี่ยวกับไม่ส่งคืนเครื่องมือประจำรถบรรทุกขาดอายุความแล้ว จำเลยที่ 2 ไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ส่วนหนี้ตามใบยืมเงินทดรองไม่ขาดอายุความ จำเลยที่ 2 ต้องรับผิด พิพากษาให้จำเลยที่ 2 ใช้หนี้ตามใบยืมเงินทดรองพร้อมทั้งดอกเบี้ย

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า จำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทในคดีนี้ไม่เกินห้าหมื่นบาท และศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โจทก์ฎีกาได้แต่เฉพาะปัญหาข้อกฎหมาย และฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยที่ 1 เป็นพนักงานขับรถยนต์ของโจทก์ จำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกันความเสียหายที่จำเลยที่ 1 ก่อขึ้นกับโจทก์ จำเลยที่ 1 ก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์โดยทำให้สินค้าสูญหาย และไม่ส่งคืนเครื่องมือประจำรถบรรทุกซึ่งเป็นการละเมิดต่อโจทก์ และจำเลยที่ 1 ได้ทำหนังสือรับสภาพหนี้ให้โจทก์ไว้ และปรากฏจากพยานโจทก์ว่าโจทก์ได้รู้ถึงการละเมิดเกินกว่า 1 ปีแล้ว เมื่อโจทก์มิได้ใช้สิทธิฟ้องเรียกร้องค่าเสียหายภายใน 1 ปี นับแต่วันที่โจทก์รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงใช้ค่าสินไหมทดแทน คดีโจทก์จึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 วรรคต้น แล้ว

พิพากษายืน

Share