คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1504/2536

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 319 วรรคสอง คำว่าซื้อหรือรับตัวมีผลเป็นทำนองเดียวกันว่าจำเลยได้ตัวนางสาว ก. ผู้เยาว์ซึ่งถูกพรากตามวรรคแรกมาอยู่กับจำเลย ส่วนเหตุแห่งการได้ตัวมานั้นไม่ว่าจะได้มาโดยเสียค่าตอบแทนหรือไม่ก็เป็นความผิดเช่นเดียวกัน ฉะนั้นที่โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยซื้อหรือรับตัวนางสาว ก. ผู้เยาว์ไว้ โดยไม่ได้ระบุว่ากระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งจึงไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม แม้ความมุ่งหมายในการกระทำของจำเลยจะมีอย่างเดียวคือเป็นธุระจัดหาหญิงไว้เพื่อสำเร็จความใคร่ของผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 282 แต่การที่จำเลยจะได้นางสาว ก.ผู้เยาว์ไว้เพื่อสำเร็จความใคร่ของผู้อื่นนั้นจำเลยรับซื้อเอานางสาว ก. ผู้เยาว์ซึ่งถูกพรากจากมารดามาไว้กับจำเลยอันเป็นการกระทำความผิดอีกอันหนึ่ง ตามมาตรา 319 วรรคสอง ด้วยเพื่อบรรลุผลตามความมุ่งหมาย ซึ่งเป็นความผิดต่างฐานกันต้องถือว่าเป็นเจตนาอีกอันหนึ่งต่างหาก ดังนั้นการกระทำของจำเลยจึงเป็นหลายกรรม

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้อง ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 282, 319, 91 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา(ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2526 มาตรา 4 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2530 มาตรา 5, 7 พระราชบัญญัติปรามการค้าประเวณี พ.ศ. 2503 มาตรา 9
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 282 วรรคสอง, 319 วรรคสอง, 91 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2526 มาตรา 4 และ (ฉบับที่ 8)พ.ศ. 2530 มาตรา 5, 7 พระราชบัญญัติปรามการค้าประเวณี พ.ศ. 2503มาตรา 9 ลงโทษ ฐานเป็นธุระจัดหาเพื่อการอนาจารซึ่งหญิงอายุไม่เกิน 18 ปี เพื่อให้สำเร็จความใคร่ของผู้อื่น ให้จำคุก 3 ปีกระทงหนึ่ง ฐานซื้อหรือรับตัวผู้เยาว์ซึ่งถูกพรากไปจากมารดาเพื่อหากำไรและเพื่อการอนาจารโดยทุจริต โดยผู้เยาว์นั้นเต็มใจไปด้วย ให้จำคุก 3 ปี กระทงหนึ่ง และฐานเป็นเจ้าของกิจการสถานค้าประเวณี ให้จำคุก 3 เดือน อีกกระทงหนึ่ง รวม 3 กระทงเป็นจำคุก 6 ปี 3 เดือน คำให้การรับสารภาพของจำเลยในชั้นจับกุมและในชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 หนึ่งในสาม คงจำคุก4 ปี 2 เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีนี้จำเลยฎีกาเป็นข้อกฎหมาย ศาลฎีกาจำต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 222ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่า วันเวลาเกิดเหตุตามฟ้อง จำเลยโดยทุจริตซื้อผู้เยาว์ซึ่งถูกพรากจากบิดามารดาเพื่อหากำไร และเพื่อให้สำเร็จความใคร่ของผู้อื่นจำเลยเป็นธุระจัดหาเพื่อการอนาจารซึ่งหญิงโดยหญิงนั้นยินยอมและจำเลยเป็นเจ้าของสถานการค้าประเวณี จำเลยฎีกาประการแรกว่าประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 319 วรรคสอง บัญญัติว่า “ผู้ใดโดยทุจริต ซื้อ จำหน่าย หรือรับตัวผู้เยาว์ซึ่งถูกพรากตามวรรคแรกฯลฯ” ซึ่งหมายความว่า การกระทำผิดจะต้องกระทำอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ แต่โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยซื้อหรือรับตัวนางสาวเกี๋ยงคำผู้เยาว์ไว้ ซึ่งโจทก์มิได้ระบุให้แน่ชัดว่าจำเลยกระทำการอย่างใดแน่ทำให้จำเลยไม่สามารถเข้าใจได้ คำฟ้องของโจทก์จึงเคลือบคลุม เห็นว่า คำว่าซื้อหรือรับตัวมีผลเป็นทำนองเดียวกันว่า จำเลยได้ตัวนางสาวเกี๋ยงคำ ผู้เยาว์ซึ่งถูกพรากตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 319 วรรคแรก มาอยู่กับจำเลยส่วนเหตุแห่งการได้ตัวมานั้นไม่ว่าจะได้มาโดยเสียค่าตอบแทนหรือไม่ก็เป็นความผิดเช่นเดียวกัน คำฟ้องของโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
จำเลยฎีกาต่อไปว่า จำเลยมีเจตนารับตัวนางสาวเกี๋ยงคำผู้เยาว์ซึ่งถูกพรากจากมารดาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 319วรรคแรก ไว้เพื่อให้สำเร็จความใคร่ของผู้อื่นโดยเป็นธุระจัดหาเพื่อการอนาจารซึ่งหญิง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 282 วรรคสองมาตั้งแต่แรก เป็นเจตนาเดียวไม่ขาดตอนการกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 ศาลล่างทั้งสองลงโทษจำเลย 2 กระทง จึงไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น เห็นว่า แม้ความมุ่งหมายในการกระทำของจำเลยจะมีอย่างเดียวคือเป็นธุระจัดหาหญิงไว้เพื่อสำเร็จความใคร่ของผู้อื่นแต่การที่จำเลยจะได้นางสาวเกี๋ยงคำผู้เยาว์ไว้เพื่อสำเร็จความใคร่ของผู้อื่นนั้นจำเลยรับซื้อเอานางสาวเกี๋ยงคำผู้เยาว์ซึ่งถูกพรากจากมารดา มาไว้กับจำเลยอันเป็นการกระทำความผิดอีกอันหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 319 วรรคสอง ด้วย เพื่อบรรลุผลตามความมุ่งหมาย ซึ่งเป็นความผิดต่างฐานกันต้องถือว่าเป็นเจตนาอีกอันหนึ่งต่างหาก ดังนั้นการกระทำของจำเลยจึงเป็นหลายกรรมที่ศาลล่างทั้งสองฟังว่า การกระทำของจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 282 วรรคสอง และมาตรา 319 วรรคสอง เป็นความผิด 2 กระทงชอบแล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share