แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้เช่าเดิมได้เซ้งหรือโอนสิทธิการเช่าห้องให้แก่บุคคลอื่น โดยให้คำรับรองว่าจะเช่าอยู่ได้ 5 ปี อันเป็นวัตถุประสงค์สำคัญสำหรับการรับเซ้งและรับโอนการเช่านี้ เมื่อผู้รับโอนไม่ได้อยู่ในห้องตามระยะเวลาที่ผู้เช่าเดิมรับรองไว้ โดยถูกฟ้องขับไล่ ดังนี้ถือได้ว่าผู้เช่าเดิมผิดคำรับรองอันต้องชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้รับโอน และกรณีไม่เข้าอยู่ในบทมาตรา 119 แห่ง ป.พ.พ.เพราะไม่ใช่เรื่องแสดงเจตนาอันทำด้วยสำคัญผิดแต่อย่างใด
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยเอาความเท็จมาหลอกลวงว่า จำเลยเป็นผู้เช่าห้องเลขที่ ๑๗ มาจากนายเต็งคุณ เจ้าของผู้ถือกรรมสิทธิ และจำเลยมีสิทธิที่จะเซ้งห้องนี้ให้โจทก์เช่าอยู่ต่อไปอีก ๕ ปี โดยจำเลยได้รับความยินยอมจากนายเต็งคุณแล้ว โจทก์หลงเชื่อจึงตกลงรับเซ้งห้องและเสียค่าตอบแทนให้จำเลย ๗๑๐๐ บาท ต่อมาโจทก์ถูกนายสวัสดิ์ผู้รับซื้อห้องรายนี้ไว้จากนายเต็งคุณฟ้องขับไล่โจทก์ ศาลพิพากษาให้ขับไล่ โจทก์จึงขอให้จำเลยคืนเงิน ๗๑๐๐ บาทพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่ได้เอาความเท็จมาหลอกลวงโจทก์ นายเต็งคุณขายห้องนี้ให้นายสวัสดิ์เมื่อใดจำเลยไม่ทราบ จำเลยได้โอนห้องและรับเงินจากโจทก์โดยสุจริต
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำเลยคืนเงินให้โจทก์
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า การที่จำเลยรับรองกับโจทก์ว่าจะเช่าอยู่ได้ ๕ ปี อันเป็นวัตถุสำคัญสำหรับการรับเซ้งและรับโอนการเช่าห้องรายนี้ เมื่อโจทก์ไม่ได้อยู่ในห้องพิพาทตามที่ระยะเวลาที่จำเลยรับรองไว้โดยอยู่ได้เพียง ๔-๕ เดือน ก็ถูกฟ้องจนศาลพิพากษาให้ขับไล่ ดังนี้ถือว่าจำเลยผิดคำรับรองอันต้องชดใช้ให้โจทก์ และกรณีหาเข้าอยู่ในบทมาตรา ๑๑๙ ป.พ.พ. เพราะไม่ใช่เป็นเรื่องแสดงเจตนาอันทำด้วยสำคัญผิดแต่อย่างใด
พิพากษายืน