คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1485/2513

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลออกคำบังคับให้จำเลยรื้อบ้านของจำเลยออกไปจากที่ดินของโจทก์ปรากฏว่าบ้านนี้ถูกเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในอีกคดีหนึ่งนำยึดไว้เพื่อขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้ แม้กระนั้นจำเลยก็ต้องรื้อบ้านไปตามคำบังคับ การรื้อบ้านตามคำสั่งศาลเช่นนี้ ไม่เป็นความผิดทางอาญา

ย่อยาว

โจทก์ชนะคดีฟ้องขับไล่จำเลย ศาลพิพากษาให้ขับไล่จำเลยและบริวารให้รื้อถอนบ้านและสิ่งปลูกสร้างให้พ้นที่ดินของโจทก์ ศาลได้ออกคำบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาแล้ว

จำเลยแถลงว่า บ้านและสิ่งปลูกสร้างของจำเลยดังกล่าวได้ ถูกโจทก์ในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 3163/2511 นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดไว้แล้ว จำเลยจึงมิอาจปฏิบัติตามคำบังคับของศาลได้

โจทก์ยื่นคำร้องว่า จำเลยขัดขืนไม่ปฏิบัติตามคำบังคับ ขอให้ออกหมายจับจำเลย

ได้ความว่าโจทก์ในคดีแดงที่ 3163/2511 ได้ขอหมายบังคับคดียึดบ้านของจำเลยไว้ แต่โจทก์ในคดีดังกล่าวได้ยื่นคำขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีงดการขายทอดตลาดไว้ โดยอ้างว่าจำเลยได้ขอผ่อนชำระหนี้ตามคำพิพากษาให้โจทก์เดือนละ 500 บาท ยังเหลือหนี้อยู่อีกประมาณ30,000 บาท เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงยังมิได้ดำเนินการแต่อย่างใด

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำเลยจัดการรื้อถอนอาคารออกจากที่พิพาทภายใน 1 เดือน ถ้าพ้นกำหนดแล้วจำเลยยังมิได้รื้อถอน ให้โจทก์จัดการรื้อถอนเอง

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาว่าหากจำเลยปฏิบัติตามคำสั่งศาลโดยรื้อบ้านออกไปจากที่ของโจทก์แล้ว จำเลยก็ต้องมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 187 คำสั่งนั้นเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบนั้นเห็นว่า การที่จำเลยจะต้องรื้อบ้านออกไปจากที่พิพาทนั้น เป็นการกระทำโดยคำสั่งศาล จำเลยมิได้กระทำโดยพลการ จึงหามีความผิดทางอาญาไม่

พิพากษายืน

Share