แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 4 ร่วมกันทำร้ายผู้ตาย ส่วนจำเลยที่ 2, 3 ไม่ได้ทำร้ายและไม่ได้ร่วมรู้เห็นในการทำร้ายมาก่อน แต่ได้จ้องปืนมาทางพยานโจทก์พูดห้ามไม่ให้คนอื่นเกี่ยวข้องในการที่จำเลยที่ 1, 4 ทำร้ายผู้ตายจึงเป็นการช่วยเหลือและให้ความสะดวกแก่จำเลยที่ 1, 4 แม้จำเลยที่ 1, 4 จะมิได้รู้ถึงการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกนั้นก็ตาม จำเลยที่ 2, 3ก็เป็นผู้สนับสนุน แต่ไม่ใช่ตัวการ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้ใช้ปืน ขวาน ไม้ตะพดทำร้ายร่างกายและตัดศีรษะนายเปี๊ยก โดยเจตนาฆ่าให้ตายโดยไตร่ตรองและกระทำโดยทารุณโหดร้าย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 289, 83 ริบของกลาง
ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยทั้ง 4 ได้ร่วมกันฆ่านายเปี๊ยกโดยไตร่ตรองแต่ไม่ได้กระทำโดยทารุณโหดร้าย พิพากษาว่าจำเลยทั้ง 4 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(4) ให้ประหารชีวิตจำเลยที่ 1, 2, 3 ส่วนจำเลยที่ 4 อายุไม่เกิน 20 ปี ลดมาตราส่วนโทษให้ตามมาตรา 76, 52 เสีย 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยที่ 4 ตลอดชีวิต
จำเลยทั้ง 4 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยที่ 1 และที่ 4 ได้ร่วมกันทำร้ายผู้ตายจนถึงตายแต่ไม่ได้กระทำโดยไตร่ตรองมาก่อน ส่วนจำเลยที่ 2, 3 ไม่ได้ร่วมคิดกับจำเลยอื่นมาก่อน พิพากษาแก้ว่าจำเลยที่ 1, 4 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ให้จำคุกจำเลยที่ 1 ตลอดชีวิต ส่วนจำเลยที่ 4 อายุเพียง 19 ปี ลดมาตราส่วนโทษ 1 ใน 3 ตามมาตรา 76, 53(1) ให้จำคุก 16 ปี ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 2, 3
โจทก์และจำเลยที่ 1, 4 ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ผู้ที่ลงมือทำร้ายผู้ตายมีแต่จำเลยที่ 1 และที่ 4 เพียง2 คนเท่านั้น ส่วนจำเลยที่ 2, 3 ไม่ได้ลงมือทำร้ายและไม่ได้ร่วมรู้เห็นในการทำร้ายมาก่อน แต่ได้จ้องปืนมาทางพยานโจทก์พูดห้ามไม่ให้คนอื่นเกี่ยวข้องในการที่จำเลยที่ 1, 4 ทำร้ายผู้ตาย จึงเป็นการช่วยเหลือและให้ความสะดวกแก่จำเลยที่ 1, 4 ในการกระทำผิด แม้จำเลยที่ 1, 4 จะมิได้รู้ถึงการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกนั้นก็ตาม จำเลยที่ 2, 3 ก็เป็นผู้สนับสนุน แต่ไม่ใช่ตัวการ
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นว่า จำเลยที่ 2, 3 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 86 และ 53(1) ลงโทษสองในสามของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดที่สนับสนุน ให้จำคุกคนละสิบหกปีนอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์