คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1464/2521

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การกระทำครั้งเดียวคราวเดียว แม้จะมีเจตนาอย่างเดียวกัน แต่ประสงค์ให้เกิดผลเป็นความผิดหลายฐาน ย่อมเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน
การที่จำเลยพานางสาว บ.ไปเพื่อการอนาจาร ถือได้ว่าจำเลยมีเจตนากระทำความผิดให้เกิดเป็นกรรมในความผิดฐานนี้แล้ว และการที่จำเลยพรากนางสาว บ.ผู้เยาว์ไปเสียจากบิดามารดา จำเลยก็มีเจตนากระทำความผิดให้เกิดเป็นกรรมในความผิดฐานนี้อีกฐานหนึ่งต่างหาก การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน หาใช่กรรมเดียวไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยพานางสาวบุญชูผู้เยาว์ไปเสียจากบิดามารดาเพื่อการอนาจาร โดยจำเลยใช้อุบายหลอกลวงและจำเลยเพื่อให้สำเร็จความใคร่ของผู้อื่น บังอาจเป็นธุระจัดหาล่อไปและชักพาไปเพื่อการอนาจาร โดยพาผู้เสียหายซึ่งเป็นหญิงอายุไม่เกินสิบแปดปีไปให้ร่วมประเวณีกับผู้อื่น ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๒, ๒๘๔, ๓๑๙
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๒, ๒๘๔, ๓๑๙ ลงโทษตามมาตรา ๓๑๙ และ ๒๘๒ กระทงละ ๒ ปี รวม ๔ ปี จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุก ๒ ปี ที่โจทก์ขอให้ลงโทษตามมาตรา ๒๘๔ คำบรรยายฟ้องของโจทก์ไม่ครบองค์ประกอบของมาตรานี้ จึงยกคำขอข้อนี้เสีย
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๔ ด้วย
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๔, ๓๑๙ กระทงหนึ่ง ให้ลงโทษตามมาตรา ๒๘๔ ซึ่งเป็นบทหนัก กับผิดตามมาตรา ๒๘๒ อีกกระทงหนึ่ง เรียงกระทงลงโทษจำคุกจำเลยกระทงละ ๒ ปี รวมจำคุก ๔ ปี จำเลยรับสารภาพ ลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุก ๒ ปี
โจทก์ฎีกาว่า ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๔ กับ มาตรา ๓๑๙ เป็นความผิดสองกรรมต่างกัน
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาว่าการที่จำเลยพานางสาวบุญชูไปเพื่อการอนาจารและการที่จำเลยพรากนางสาวบุญชูไปเสียจากบิดามารดา ซึ่งจำเลยกระทำในคราวเดียวกัน จะเป็นความผิดหลายบทหรือหลายกรรมต่างกัน ศาลฎีกาเห็นว่าการกระทำครั้งเดียวคราวเดียวแม้จะมีเจตนาอย่างเดียวกัน แต่ประสงค์ให้เกิดผลเป็นความผิดหลายฐานย่อมเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน การที่จำเลยพานางสาวบุญชูไป เพื่อการอนาจารถือได้ว่าจำเลยมีเจตนากระทำความผิดให้เกิดเป็นกรรมในความผิดฐานนี้แล้ว และการที่จำเลยพรากนางสาวบุญชูผู้เยาว์ไปเสียจากบิดามารดา จำเลยก็มีเจตนากระทำความผิดให้เกิดเป็นกรรมในความผิดฐานนี้อีกฐานหนึ่งต่างหาก การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน หาใช่กรรมเดียวดังที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยไม่ เทียบคำพิพากษาฎีกาที่ ๓๙๘/๒๕๒๐ ระหว่างพนักงานอัยการจังหวัดระยอง โจทก์ นายรุ่งธรรมยิ่ง จำเลยฎีกาโจทก์ฟังขึ้น และศาลฎีกาเห็นสมควรกำหนดโทษสำหรับความผิดฐานพรากผู้เยาว์ไปเสียจากบิดามารดาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๑๙ ไปเลย โดยไม่ต้องย้อยสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาใหม่
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๑๙ ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๑๑ ลงวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๑๔ ข้อ ๑๒ อีกกระทงหนึ่ง จำเลยอายุสิบเจ็ด ลดมาตราส่วนโทษกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๕ จำคุก ๑ ปี จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามมาตรา ๗๘ คงจำคุกจำเลยกระทงนี้ ๖ เดือน นอกจากที่แก้ให้คงเป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share