แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลแสดงที่พิพาทเป็นกรรมสิทธิของโจทก์ โดยเจ้าของที่ดินยกให้ต่อมาเจ้าของที่ดินตาย โจทก์ครอบครองตลอดมาเกินอายุความ 1 ปีแล้ว จำเลยต่อสู้ว่าเจ้าของที่ได้ยกที่พิพาทให้จำเลยไม่ใช่ให้โจทก์ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์จำเลยต่างเป็นทายาทของเจ้าของที่ดิน ได้ครอบครองที่พิพาทร่วมกัน และโจทก์ฟ้องคดีเมื่อเกินอายุความมฤดกแล้ว ไม่มีทายาทคนอื่นของเจ้าของที่ดินเข้ามาเกี่ยวข้อง ศาลย่อมพิพากษาแบ่งส่วนที่รายพิพาทให้แก่โจทก์,จำเลยได้ ตาม ป.ม.วิ.แพ่ง มาตรา 142(2)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า  นางพ่วงได้ยกที่พิพาทร่วมของนางพ่วงให้แก่โจทก์  และให้โจทก์ทำกินต่างดอกเบี้ยตลอดมา  จึงขอให้ศาลแสดงว่า  ที่พิพาทฉะเพาะส่วนของนางพ่วงเป็นกรรมสิทธิของโจทก์แต่ผู้เดียว  จำเลยต่อสู้ว่า  นางพ่วงได้ยกที่พิพาทให้แก่จำเลย ๆ ได้ครอบครองโดยสงบและเปิดเผยเป็นเวลา ๒๐ ปีแล้ว   จำเลยได้ครอบครองที่พิพาทเกินกำหนด ๑ ปีอันเป็นอายุความมฤดก  จำเลยจึงได้กรรมสิทธิในที่ดินพิพาท
ศาลชั้นต้นฟังว่า  นางพ่วงยกที่พิพาทให้แก่โจทก์  จึงพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี
ศาลอุทธรณ์ฟังว่า นางพ่วงมิได้ยกที่พิพาทให้แก่โจทก์หรือจำเลย  จึงพิพากษายกฟ้อง
โจทก์ฎีกา,
ศาลฎีกาฟังว่า  โจทก์,จำเลยต่างฝ่ายต่างได้ครอบครองที่พิพาทร่วมกัน  โจทก์ฟ้องคดีนี้เกินอายุความมฤดก  และไม่มีทายาทคนอื่นของนางพ่วงเข้ามาเกี่ยวข้อง  ศาลฎีกาจึงเห็นควรพิพากษาแบ่งส่วนรายพิพาทส่วนของนางพ่วงให้เสร็จไปตาม  ป.ม.วิ.แพ่ง  มาตรา ๑๔๒(๒)
พิพากษาแก้  ให้แบ่งส่วนรายพิพาทส่วนของนางพ่วงให้โจทก์จำเลยได้คนละส่วนเท่ากัน.

