คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 14275/2557

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การยึดอสังหาริมทรัพย์ของลูกหนี้ตามคำพิพากษานั้น ให้เจ้าพนักงานบังคับคดีจัดทำโดยนำเอาหนังสือสำคัญสำหรับทรัพย์สินนั้นมาและฝากไว้ ณ สถานที่ใด หรือแก่บุคคลใดตามที่เห็นสมควร และแจ้งการยึดนั้นให้ลูกหนี้ตามคำพิพากษา และเจ้าพนักงานที่ดินผู้มีหน้าที่ทราบ ให้เจ้าพนักงานที่ดินบันทึกการยึดไว้ในทะเบียน ถ้าหนังสือสำคัญยังไม่ได้ออก หรือนำมาแสดงไม่ได้ หรือหาไม่พบ ให้ถือว่าการที่ได้แจ้งการยึดต่อลูกหนี้ตามคำพิพากษาและเจ้าพนักงานที่ดินนั้น เป็นการยึดตามกฎหมายแล้ว” ดังนั้น การที่ผู้แทนโจทก์แถลงให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินโฉนดเลขที่ 1374 พร้อมสิ่งปลูกสร้างพิพาทที่ตั้งอยู่บนที่ดินดังกล่าว โดยผู้แทนโจทก์ระบุว่าเป็นทาวน์เฮาส์เลขที่ 6/8 ซึ่งผิดไปจากความจริง เพราะที่ถูกแล้วจะต้องเป็นทาวน์เฮาส์เลขที่ 6/4 นั้น จึงเป็นกรณีที่ผู้แทนโจทก์แถลงผิดพลาดไป แต่ก็หาทำให้การยึดเสียไปไม่ เพราะขั้นตอนการยึดได้กระทำโดยครบถ้วนตามกฎหมาย

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองส่งมอบรถที่เช่าซื้อคืนโจทก์ หากคืนไม่ได้ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ราคาแทนเป็นเงิน 600,935 บาท และให้ร่วมกันชำระค่าเสียหายเป็นค่าขาดประโยชน์ ค่าภาษีมูลค่าเพิ่มและค่าติดตามรถคืนเป็นเงิน 51,697.28 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี และให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินค่าเสียหายเป็นค่าขาดประโยชน์ ค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม และค่าติดตามรถคืนเป็นเงิน 126,697.28 บาท และค่าขาดประโยชน์หลังจากโจทก์ฟ้องคดีแล้วเป็นเงิน 48,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ ปรากฏว่าจำเลยทั้งสองไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษา เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของโจทก์จึงขอหมายบังคับคดี ต่อมาบริษัทจีเนียส เนอร์สซิ่ง แคร์ จำกัด ยื่นคำร้องขอเข้าสวมสิทธิเป็นคู่ความแทนโจทก์ ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องแล้ว มีคำสั่งอนุญาต
โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินโฉนดเลขที่ 1374 พร้อมสิ่งปลูกสร้างพิพาทออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์
จำเลยทั้งสองยื่นคำคัดค้านขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้ว มีคำสั่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินโฉนดเลขที่ 1374 ตำบลสามเสนใน อำเภอพญาไท กรุงเทพมหานคร แต่หากปรากฏภายหลังว่าที่ดินเป็นของบุคคลอื่นมิใช่ของจำเลยที่ 1 เจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ต้องรับผิด
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ส่งภาพถ่ายทาวน์เฮาส์เลขที่ 6/4 พร้อมแผนที่ที่ตั้งทรัพย์ใหม่ โดยไม่จำต้องเสียค่าธรรมเนียมกรณียึดแล้วไม่มีการขาย
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า การยึดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างพิพาทในคดีนี้ กระทำโดยชอบด้วยกฎหมายแล้วหรือไม่ เห็นว่า ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 304 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า “การยึดอสังหาริมทรัพย์ของลูกหนี้ตามคำพิพากษานั้น ให้เจ้าพนักงานบังคับคดีจัดทำโดยนำเอาหนังสือสำคัญสำหรับทรัพย์สินนั้นมาและฝากไว้ ณ สถานที่ใด หรือแก่บุคคลใดตามที่เห็นสมควร และแจ้งการยึดนั้นให้ลูกหนี้ตามคำพิพากษา และเจ้าพนักงานที่ดินผู้มีหน้าที่ทราบ ให้เจ้าพนักงานที่ดินบันทึกการยึดไว้ในทะเบียน ถ้าหนังสือสำคัญยังไม่ได้ออก หรือนำมาแสดงไม่ได้ หรือหาไม่พบ ให้ถือว่าการที่ได้แจ้งการยึดต่อลูกหนี้ตามคำพิพากษาและเจ้าพนักงานที่ดินนั้น เป็นการยึดตามกฎหมายแล้ว” ดังนั้น การยึดอสังหาริมทรัพย์ดังเช่นการยึดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างพิพาทในคดีนี้โดยที่ดินพิพาทก็มีโฉนดที่ดิน ซึ่งเจ้าพนักงานบังคับคดีเพียงแต่นำเอาโฉนดที่ดินมาและฝากไว้ ณ สถานที่ใด หรือแก่บุคคลใดตามที่เห็นสมควร และแจ้งการยึดต่อลูกหนี้ตามคำพิพากษาและเจ้าพนักงานที่ดิน ย่อมถือว่าเป็นการยึดตามกฎหมายแล้ว การที่โจทก์หรือผู้แทนโจทก์ต้องนำส่งภาพถ่ายสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินและแผนที่ที่ตั้งทรัพย์ประกอบการยึด ก็เพื่อประโยชน์ในการปิดประกาศการยึดและการทำแผนที่ในการประกาศขายทอดตลาด เพื่อให้ผู้ซื้อทรัพย์มีแนวทางในการตรวจสอบสถานที่ที่ตั้งทรัพย์เท่านั้น หากภาพถ่ายสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินหรือแผนที่ที่ตั้งทรัพย์ไม่ถูกต้อง ก็มิได้ผูกมัดเจ้าพนักงานบังคับคดีแต่อย่างใด โจทก์ย่อมมีสิทธิแก้ไขให้ถูกต้องได้ ดังนั้น การที่ผู้แทนโจทก์แถลงให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินโฉนดเลขที่ 1374 พร้อมสิ่งปลูกสร้างพิพาทที่ตั้งอยู่บนที่ดินดังกล่าว โดยผู้แทนโจทก์ระบุว่าเป็นทาวน์เฮาส์เลขที่ 6/8 ซึ่งผิดไปจากความจริง เพราะที่ถูกแล้วจะต้องเป็นทาวน์เฮาส์เลขที่ 6/4 นั้น จึงเป็นกรณีที่ผู้แทนโจทก์แถลงผิดพลาดไป แต่ก็หาทำให้การยึดเสียไปไม่ เพราะขั้นตอนการยึดได้กระทำโดยครบถ้วนตามกฎหมายดังที่วินิจฉัยไว้แล้วข้างต้น ที่ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องของโจทก์และศาลอุทธรณ์พิพากษายืนมานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้เพิกถอนคำสั่งเจ้าพนักงานบังคับคดี ให้เจ้าพนักงานบังคับคดีรับคำร้องขอแก้ไขเลขที่ทาวน์เฮาส์ของโจทก์กับภาพถ่ายสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินและแผนที่ที่ตั้งทรัพย์ที่ถูกต้องไว้ และดำเนินการบังคับคดีต่อไป ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลให้เป็นพับ

Share