แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยทั้งสามร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีน จำนวน 24 เม็ด (หน่วยการใช้) แม้จะเป็นการบรรยายคำว่าหน่วยการใช้ไว้ในวงเล็บหลังคำว่าเม็ด ก็ถือว่าเป็นการบรรยายคำฟ้องว่าจำนวนเม็ดของเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวเป็นหน่วยการใช้ด้วยแล้ว กรณีจึงเข้าข้อสันนิษฐานของกฎหมายตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคสาม (2) ว่า จำเลยมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองมีปริมาณสิบห้าหน่วยการใช้ขึ้นไป ถือว่าเป็นการมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย
ย่อยาว
โจทก์ขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 102 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 และริบเมทแอมเฟตามีนของกลาง
จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ แต่จำเลยที่ 3 รับว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อเสพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาตัดสินจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 3 ปี และปรับ 60,000 บาท กับจำคุกจำเลยที่ 3 มีกำหนด 9 เดือน และปรับ 15,000 บาท โทษจำคุกจำเลยที่ 3 ให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี กับให้คุมประพฤติมีกำหนด 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 กับให้ยกฟ้องจำเลยที่ 2 แต่ริบของกลาง
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 1 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 1 มีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายหรือไม่เห็นว่า โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยทั้งสามร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนจำนวน 24 เม็ด (หน่วยการใช้) คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 0.576 กรัม ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย แม้จะเป็นการบรรยายคำว่าหน่วยการใช้ไว้ในวงเล็บหลังคำว่าเม็ด ก็ถือได้ว่าเป็นการบรรยายฟ้องว่าจำนวนเม็ดของเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวเป็นหน่วยการใช้ด้วยแล้ว ซึ่งเมทแอมเฟตามีนจำนวน 18 เม็ดที่จำเลยที่ 1 มีไว้ในครอบครองเป็นส่วนหนึ่งของเมทแอมเฟตามีนจำนวน 24 เม็ด ที่โจทก์ฟ้องดังกล่าว จึงรับฟังได้ว่าเมทแอมเฟตามีนจำนวน 18 เม็ด ที่จำเลยที่ 1 มีไว้ในครอบครองมีจำนวนสิบห้าหน่วยการใช้ขึ้นไป ข้อสันนิษฐานของกฎหมายตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคสาม (2) ว่า เป็นการมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 วินิจฉัยว่า โจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่าจำนวนเม็ดของเมทแอมเฟตามีนตามฟ้องเป็นหน่วยการใช้ด้วย จึงไม่อาจรับฟังได้ว่าเมทแอมเฟตามีนจำนวน 18 เม็ดที่จำเลยที่ 1 มีไว้ในครอบครอง มีจำนวน 18 หน่วยการใช้หรือมีปริมาณจำนวน 15 หน่วยการใช้ขึ้นไป ไม่เข้าข้อสันนิษฐานว่าเป็นการมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตามกฎหมายนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้บังคับคดีจำเลยที่ 1 ไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นหากจำเลยที่ 1 และที่ 3 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 7