คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1417/2522

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยเข้าทำการค้าในแผงลอยที่โจทก์เช่ามาแต่เป็นเวลาหลังจากที่โจทก์คืนแผงลอยที่เช่าแก่ผู้ให้เช่าแล้วโจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยฐานบุกรุก

ย่อยาว

โจทก์เช่าแผงลอยจากบริษัท สัญญาเช่าสิ้นสุดแล้ว โจทก์ยังทำการค้าอยู่และกำลังขอเช่าต่อ จำเลยเข้าทำการค้าในแผงลอยโดยบิดาจำเลยเช่าจากบริษัท ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 365(2)(3) ปรับ 1,500 บาทจำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “พยานหลักฐานของฝ่ายจำเลยดังกล่าวแสดงว่าจำเลยได้เข้าทำการค้าในแผงพิพาทตั้งแต่วันที่ 26 มิถุนายน 2519 แล้วโจทก์เพิ่งแจ้งความเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2519 กล่าวหาว่าจำเลยกระทำผิดระหว่างคืนวันที่ 1 ต่อเนื่องกับวันที่ 2 กรกฎาคม 2519 กรณีจึงมีเหตุผลให้เชื่อได้ว่าในช่วงเวลาระหว่างวันที่ 26 มิถุนายน 2519 จนถึงวันที่โจทก์แจ้งความ โจทก์ไม่ได้ครอบครองแผงพิพาทเพราะถ้าโจทก์เป็นผู้ครอบครองทำการค้าอยู่ดังที่อ้าง โจทก์ย่อมทราบว่าจำเลยเข้าทำการค้าในแผงพิพาทตั้งแต่วันที่ 26 มิถุนายน2519 และโจทก์คงแจ้งความกล่าวหาจำเลยแต่แรกแล้ว การที่ห้างหุ้นส่วนจำกัด เศรษฐสัมพันธ์โยธาผู้ให้เช่ามอบอำนาจให้นายปิยะเข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวหาจำเลยโดยอ้างว่าโจทก์ซึ่งเป็นผู้เช่าส่งมอบแผงพิพาทคืนตั้งแต่วันที่ 25 มิถุนายน 2519 จึงมีเหตุผลรับฟังได้ จำเลยเข้าทำการค้าในแผงพิพาทหลังจากโจทก์ส่งมอบแผงพิพาทคืนผู้ให้เช่าแล้ว โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหาย ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย ไม่จำต้องวินิจฉัยปัญหาตามฎีกาจำเลยข้ออื่นอีก”

พิพากษาแก้ ให้ยกฟ้องตามศาลชั้นต้น

Share