คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1415/2513

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตามฟ้องของโจทก์โดยสารสำคัญแห่งมูลหนี้ที่โจทก์อ้างเป็นเรื่องกล่าวหาว่าจำเลยทำละเมิด มิใช่เป็นการฟ้องขอให้บังคับตามสัญญาเช่า อันโจทก์ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ ลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิดเป็นสำคัญ แม้โจทก์จะกล่าวอ้างในฟ้องว่าโจทก์เช่าที่จากจำเลย ก็เป็นเรื่องรายละเอียดเพื่อแสดงให้รู้ว่าโจทก์เช่า ครอบครอง ใช้หรือรับประโยชน์จากสถานที่รายนี้เพราะมีเหตุมาอย่างไรเท่านั้น ส่วนเนื้อเรื่องที่แท้จริงอันเป็นสิทธิหน้าที่ในทางแพ่งที่นำมาฟ้องเพราะโต้แย้งกันนั้น ก็คือจำเลยเข้าไปใส่กุญแจสถานที่ทำให้การครอบครองของโจทก์ขัดข้อง ซึ่งถ้าเป็นจริงดังโจทก์ว่า ก็ย่อมเป็นการละเมิดตามกฎหมายได้ กรณีที่โจทก์ฟ้องจำเลยในเรื่องนี้เป็นเหตุการณ์อีกขั้นหนึ่งที่ว่า เมื่อโจทก์ครอบครองใช้สิทธิตามสัญญาเช่าแล้ว ไม่ว่าคนใด ๆ เข้ามาขัดขวางก็ย่อมเป็นละเมิดต่อโจทก์ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เช่าบ้านเลขที่ ๗๒ จากจำเลยที่ ๑ ใช้ประกอบการค้าขายแลกเปลี่ยนรถยนต์ จำเลยได้นำกุญแจไปใส่ประตูเหล็กบ้านดังกล่าว ทำให้โจทก์ไม่สามารถเปิดค้าขายได้ตามปกติ ก่อให้เกิดความเสียหาย ฯลฯ ขอให้ศาลพิพากษาบังคับจำเลยเปิดกุญแจทั้งหมดและใช้ค่าเสียหาย
ต่อมาจำเลยทั้งสามยื่นคำให้การว่าจำเลยที่ ๒ ที่ ๓ ไม่ได้ทำละเมิดต่อโจทก์ และไม่ได้ติดกุญแจปิดประตูตามฟ้องของโจทก์นั้นด้วย โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะไม่มีหลักฐานการเช่าเป็นหนังสือตามมาตรา ๕๓๘ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ โจทก์ไม่ได้เช่าและชำระค่าเช่าแก่จำเลยที่ ๑
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นว่า ฟ้องของโจทก์ต้องห้ามตามมาตรา ๕๓๘ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เพราะมูลคดีเป็นการเช่าอสังหาริมทรัพย์ซึ่งกฎหมายบังคับให้ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิดเป็นสำคัญ จึงจะฟ้องร้องขอให้บังคับคดีได้ พิพากษาให้ยกฟ้องของโจทก์เสีย
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาและพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
จำเลยทั้งสามฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามฟ้องของโจทก์นั้นโดยสารสำคัญแห่งมูลหนี้ที่โจทก์อ้างเป็นเรื่องกล่วหาว่าจำเลยทำละเมิด หาใช่เป็นการฟ้องร้องขอให้บังคับคดีตามสัญญาช่าอันอาจจะมีการต้องห้ามตามมาตรา ๕๓๘ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์นั้นไม่ แม้โจทก์จะกล่าวอ้างในฟ้องว่า โจทก์เช่าที่มาจากจำเลยที่ ๑ นั้นด้วยก็ตาม การกล่าวอ้งในตอนนี้เป็นเรื่องรายละเอียดเพื่อแสดงให้รู้ว่าโจทก์เข้าครอบครองยึดถือเข้าใช้หรือรับประโยชน์จากสถานที่รายนี้ เพราะมีเหตุมาอย่างไรเท่านั้น ส่วนเนื้อเรื่องที่แท้จริงอันเป็นสิทธิหน้าที่ในทางแพ่งที่นำมาฟ้องเพราะเกิดมีการโต้แย้งกันก็คือว่า จำเลยเข้าไปปิดใส่กุญแจสถานที่ทำให้การครอบครองใช้หรือรับประโยชน์จากสถานที่ตรงนั้นของโจทก์ขัดข้อง เหตุการณ์ตอนนี้ถ้าเป็นจริงดังโจทก์ว่าก็ย่อมเป็นการละเมิดตามกฎหมายได้ เพราะในเรื่องการเช่าที่ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือให้ไว้ต่อกันนั้น ถึงหากว่าจะเป็นความจริงก็ไม่ทำให้สัญญาเช่าที่ตกลงกันด้วยวาจานั้นต้องเสียไป สัญญาเช่าก็ยังเป็นสัญญาเช่าได้อยู่ เมื่อผู้ให้เช่าได้มอบให้ผู้เช่าเข้าครอบครองใช้หรือรับประโยชน์จากที่เช่าเสร็จแล้ว ผลก็ย่อมเป็นดังนั้นได้ หาได้เสียไปเพราะเหตุใดไม่ กรณีที่โจทก์ฟ้องจำเลยในเรื่องนี้เป็นเหตุการณ์อีกชั้นหนึ่งที่ว่า เมื่อโจทก์เกิดสิทธิและกำลังครอบครองใช้สิทธิตามสัญญาเช่าแล้ว ไม่ว่าคนใด ๆ เข้ามาขัดขวางนี้ก็ย่อมจะเป็นละเมิดต่อโจทก์ โจทก์เอาเหตุการณ์ในตอนนี้มาฟ้อง จึงหาได้เกี่ยวเนื่องกับการที่ขอให้บังคับตามสัญญาเช่าแก่คู่สัญญานั้นไม่
พิพากษายืน

Share